การประเมินความเสี่ยงภาวะภัยแล้งปีหน้า นายสำเริง แสงภู่วงค์ รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) คาดว่า จะมีอย่างน้อย 20 จังหวัดในพื้นที่ภาคกลางตอนบน, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและตอนกลาง เช่น จังหวัดอุทัยธานี, จังหวัดชัยนาท และจังหวัดนครสวรรค์ ที่เสี่ยงประสบปัญหามีน้ำน้อยจนต้องงดทำการเกษตร โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ค่อนข้างแน่ชัดว่าฤดูแล้งปีหน้าจะหนักกว่าปีนี้ เนื่องจากปัจจุบันน้ำในอ่างเก็บน้ำส่วนมากในพื้นที่มีปริมาณน้ำที่ใช้การได้น้อยกว่าร้อยละ 30 ส่วนภาคเหนือและภาคกลางขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลัก ซึ่งปัจจุบันมีน้ำใช้การได้รวมกันเพียง 1,100 ล้านลูกบาศก์เมตร และคาดว่าสิ้นเดือนตุลาคมจะมีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกัน 4,700 ล้านลูกบาศก์เมตร พอแค่การอุปโภคบริโภคในทุกพื้นที่เท่านั้น ไม่พอต่อการทำการเกษตรที่ต้องใช้น้ำอย่างน้อย 5,000 ล้านลูกบาศก์เมตร เว้นแต่จะมีพายุ 1-2 ลูกผ่านเข้าไทยในเดือนนี้และเดือนหน้าตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ไว้ ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำใช้การได้ใน 4 เขื่อนหลักมีรวมกัน 10,000 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะพอต่อการทำการเกษตร ขณะที่ภาคตะวันตกไม่น่าเป็นห่วง เพราะปัจจุบันมีน้ำใช้การอยู่มาก แต่ความเสี่ยงทั้งหมดยังต้องรอการประเมินช่วงปลายเดือนนี้อีกครั้ง
ส่วนปัญหาแม่น้ำโขงที่ล่าสุดเขื่อนจิ่งหงของจีนแจ้งปรับลดการระบายน้ำ วันพรุ่งนี้นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สทนช. จะประชุมร่วมกับจีนและลาวเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขงของทั้งสองประเทศ โดยไทยจะขอให้ทั้งสองประเทศส่งข้อมูลการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำโขงมาให้แบบเรียลไทม์ แต่รับว่าคงทำได้แค่รับข้อมูลมาแล้วแจ้งไปยังประชาชน แต่อนาคตจะประสานเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดพร้อมยกระดับให้เป็นนโยบายระดับชาติ ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำโขงปัจจุบันมีน้ำจากเขื่อนลาวที่แตกมาเสริม แม้น้ำยังน้อยแต่ไม่น่าห่วงแล้ว

โดยในวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารที่ทำการ สทนช. ที่ ถ.ติวานนท์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยมีเลขาธิการ สทนช. พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่เข้าร่วมในพิธี สำหรับอาคารนี้มีความสูง 16 ชั้น และมีชั้นใต้ดิน 1 ชั้น สร้างบนเนื้อที่ 14 ไร่ จะใช้เป็นที่ทำการถาวรของสทนช. และเป็นที่ตั้งของศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ โดยจะเริ่มก่อสร้างเดือนนี้และคาดว่าจะแล้วเสร็จต้นปี 2564
...
ผสข.ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร