ข่าวอาชญากรรมวันนี้ ติดตามความคืบหน้าคดีเหตุระเบิดและลอบวางระเบิดหลายจุด พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบวางวัตถุระเบิดบริเวณด้านหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีการจับกุมผู้ต้องสงสัย 2 คน ชาวจังหวัดนราธิวาส ได้ที่จังหวัดชุมพร และควบคุมตัวไว้ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า โดยระบุว่า การให้ข้อมูลต้องมีความระมัดระวัง ส่วนกลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นกลุ่มบีอาร์เอ็น หรือมาราปัตตานี หรือกลุ่มอื่นๆ ในภาคใต้ยังไม่สามารถระบุได้ เพราะกลุ่มเหล่านี้ไม่เคยยอมรับ จึงขอว่าอย่าตีความกันเอง ซึ่งการควบคุมตัวทั้งคู่ไว้ที่ภาคใต้ก็เพราะทั้งคู่มีประวัติคดีในฐานข้อมูลเคยเข้าโจมตีฐานนาวิกโยธิน ซึ่งจากคำให้การได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องศาสนา แต่อาจเกี่ยวกับเหตุการเมือง และบางจุดที่นำระเบิดไปวางก็ไม่ได้หวังผลเอาชีวิต
ด้าน พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากภาพรวมเหตุการณ์ทั้งหมด พบว่ากลุ่มคนร้ายใช้อุปกรณ์ 2 ชนิด คือระเบิด กับอุปกรณ์ทำให้เกิดเพลิงไหม้ คดีนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในพื้นที่กรุงเทพฯ เพราะยังพบว่ามีการกระจายกำลังกันออกไปหลายพื้นที่ ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้องได้อาศัยอำนาจหน้าที่ตามกรอบที่กำหนด โดยตอนนี้สามารถรวบรวมหลักฐานขอศาลออกหมายจับทั้งคู่ได้แล้ว ส่วนการสืบสวนหาตัวผู้ต้องหารายอื่นนั้น แบ่งเป็นหลายระดับ โดยกลุ่มแรก คือ มาสเตอร์มายด์ที่เป็นผู้วางแผน กลุ่ม 2 คือระดับสั่งการ คอยกำหนดขั้นตอนรายละเอียดปฏิบัติการต่างๆ รวมถึงหาตัวแนวร่วม กลุ่ม 3 คือ ผู้ช่วยเหลือสนับสนุนทั้งก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเกิดเหตุและหลังก่อเหตุ ในนี้มีบางส่วนถูกหลอกมาทำ บางส่วนก็จงใจทำ และสุดท้ายคือ กลุ่มที่ลงมือปฏิบัติ ซึ่งเชื่อว่ามีมากกว่า 15 คน โดยกลุ่มที่ออกหมายจับเป็นเพียงระดับปฏิบัติเท่านั้น เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาต่อสองคนร้ายฐาน อั้งยี่ซ่องโจร มีวัตถุระเบิดไว้ครอบครอง และพยายามฆ่า ต่อจากนี้ก็ต้องขยายผลถึงรายอื่นๆ ต่อไป ตอนนี้ยังไม่อาจระบุได้ว่าเป็นกลุ่มใด แม้จะมีความเชื่อมโยงไปถึงเหตุความไม่สงบในอดีต
ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาชายอายุ 29 ปี นำวัตถุต้องสงสัยไปวางข้างกำแพงสำนักงานขายคอนโด ซอยรัชดา 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พื้นที่สน.พหลโยธิน ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นอาสาสมัครรายการวิทยุแห่งหนึ่ง และทำงานเป็น รปภ.มาประมาณ 3 ปี แต่รายได้ไม่พอใช้ต้องเบิกล่วงหน้าอยู่บ่อยครั้ง จนบริษัทไม่ยอมให้เบิก จึงนำวัตถุต้องสงสัยมาวางไว้แล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ โดยในวันนี้ พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปขออำนาจศาลอาญาฝากขังผัดแรก
ส่วนข่าวเศรษฐกิจวันนี้ นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนกรกฎาคม 2562 อยู่ที่ระดับ 75.0 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 และต่ำสุดในรอบ 22 เดือน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 จากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลถึงปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีปัจจัยที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะปรับตัวดีขึ้น จากตัวชี้วัดในหลายรายการปรับตัวลดลงมาก โดยเฉพาะดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเกี่ยวกับเศรษฐกิจในปัจจุบัน ที่มีการปรับตัว ต่ำสุดถึงในรอบ 17 ปี 10 เดือน สะท้อนว่าประชาชนรับรู้ถึงปัญหาทั้งราคาสินค้าเกษตร ข้าว ยางพารา และปาล์มน้ำมัน ที่ราคายังทรงตัวในระดับต่ำ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง ซึ่งเป็นไปในเชิงลบ ทำให้ต้องระมัดระวังการใช้จ่าย จากดัชนีความเหมาะสมในการซื้อรถยนต์ การซื้อบ้านหลังใหม่ การใช้จ่ายเพื่อท่องเที่ยว และความเหมาะสมในการทำธุรกิจ ปรับตัวลดลงทุกรายการ
วันนี้จะเป็นวันแรกที่กรมบัญชีกลางจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ-เบี้ยความพิการ ให้ผู้มีสิทธิ์ในจังหวัดสิงห์บุรีโดยตรงมากกว่า 29,000 คน น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า เป็นการทำหน้าที่แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ โดยมีการจัดทำฐานข้อมูลร่วมกันและกรมการปกครองตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลบุคคลแล้ว จากนั้นจะจ่ายตรงให้กับผู้มีสิทธิ์ในจังหวัดจันทบุรี นครราชสีมา มุกดาหาร น่าน อุทัยธานี สมุทรสงคราม พังงาและสงขลา ต่อไปคาดว่าในปีงบประมาณ พ.ศ.2563 จะดำเนินการได้ ครบทั้ง 76 จังหวัด
ในวันนี้มีการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง หรือบอร์ดค่าจ้างที่กระทรวงแรงงาน นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จะมีการพิจารณารายชื่อที่ตัวแทนฝ่ายนายจ้างและลูกจ้างเสนอ เพื่อแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาสมทบในศาลแรงงาน และอาจมีการพิจาณาเรื่องอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2562 ที่ค้างมานาน และอาจต้องทบทวนตัวเลขที่คณะกรรมการค่าจ้างจังหวัดเคยเสนอไว้ ยอมรับว่าค่าจ้างต้องปรับตามเงินเฟ้อ ส่วนจะได้ปรับเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับบอร์ดค่าจ้างจะพิจารณา
...