สรุปข่าว19.30น.วันพุธที่ 7 สิงหาคม 2562
+++เหตุคนร้ายลอบวางระเบิดป่วนพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในช่วงคาบเกี่ยวของวันที่ 1 และ 2 สิงหาคม 2562 ล่าสุด เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ได้รับมอบหมายในการคลี่คลายคดีดังกล่าว เพื่อเชื่อมโยงไปสู่กลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุพื้นที่กรุงเทพมหานครในครั้งนี้ สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้เพิ่มเติมอีก 5 คน รวมทั้งสิ้น 7 คน คือ นายอิสมะแอ หรืออาแบ ไม่ทราบนามสกุล เป็นคู่เขยกับ นายวิลดัน ภูมิลำเนาเป็นชาว อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ถูกเชิญตัวจากบ้านใน อ.รือเสาะ นายมูฮัมหมัดอิลฮัม สะอิ อายุ 28 ปี ภูมิลำเนา อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ถูกจับขณะกำลังซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ข้ามแดน บริเวณด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 5 ส.ค. เมื่อถูกเรียกตรวจได้พยายามวิ่งหลบหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ไล่ตามจับกุมเอาไว้ได้ก่อนข้ามพรมแดน นายมูฮำหมัดฮาซัน มะ อายุ 22 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มี นายมูฮัมหมัดอิลฮัม สะอิ นั่งซ้อนท้ายข้ามแดน ถูกจับกุมได้เมื่อวันที่ 5 ส.ค. บริเวณด่านพรมแดนสุไหงโก-ลก นายอิลมี เจ๊ะอูมา ไม่ทราบอายุและภูมิลำเนา และ นายซูลกิฟลี มะสาแมง อายุ 38 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ก่อนหน้านี้ได้จับกุม นายลูไอ แซแง อายุ 22 ปี และ นายวิลดัน มาหะ อายุ 29 ปี ภูมิลำเนา ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ได้คาด่านปฐมพร จ.ชุมพร เช้ามืดวันที่ 2 ส.ค. ซี่งผู้ต้องสงสัยทั้ง 7 คน ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ศูนย์พิทักษ์สันติ ศูนย์ปฎิบัติการตำรวจส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) อ.เมือง จ.ยะลา นอกจากนั้นในบ่ายวันพรุ่งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะแถลงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวน หลังลงพื้นที่กับนายกรัฐมนตรีไปติดตามผลการสืบสวนสอบสวนผู้ต้องสงสัยที่ถูกควบคุมอยู่ในจังหวัดยะลา แต่จะไม่นำตัวมาร่วมแถลงข่าว
+++รัฐสภาไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐสภาอาเซียน 25-30 ส.ค.นี้ ประธานรัฐสภาได้มอบหมายให้พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นประธานคณะอนุกรรมการฝ่ายรักษาความปลอดภัยการประชุมสมัชชารัฐสภาอาเซียน ซึ่งพล.ต.ท.ศานิตย์ให้ความมั่นใจกับประเทศสมาชิกว่า ไทยมีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวดและเคยผ่านเหตุการณ์ประชุมระดับนานาชาติมาแล้วหลายครั้งจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย
+++พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเรียกร้องให้รัฐบาลลดค่าโดยสารรถไฟฟ้าให้กับคนกรุงเทพฯ ว่า อยากให้ดูปัจจัยที่เกิดขึ้นในวงจรของรถไฟฟ้าก่อน ทั้งเรื่องการทำสัญญาและการลงทุนกับภาคเอกชน เพราะหากจะลดราคาลงอย่างเดียวหรือแก้ปัญหาผิดวิธี อาจจะกลายเป็นค่าโง่ได้ ดังนั้นจึงต้องดูความเหมาะสมและความเป็นไปได้ ส่วนจะลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าได้หรือไม่ ขอให้เจ้าหน้าที่ไปพิจารณาหารือกันก่อน
+++ด้านกระทรวงคมนาคม ได้หารือร่วมกับผู้บริหารกรมการขนส่งทางบก ,ผู้ประกอบการแท็กซี่ และแท็กซี่สุวรรณภูมิ เพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องโดยหลังหารือได้ข้อสรุป ซึ่งค่าโดยสารที่เก็บตามมิเตอร์ เริ่มต้นปัจจุบันเก็บ 35 บาท ขอเป็น 40 บาท จะยังคงไว้ที่ 35 บาท แต่จะอนุมัติให้ปรับขึ้นสำหรับค่าโดยสาร กม.ที่ 1-10 จาก กม.ละ 6 บาท เป็น 6.50 บาท ส่วนค่าโดยสารที่เก็บตามมิเตอร์ตั้งแต่ กม.ที่ 10-20, 20-40, 40-60, 60-80 และ 80 กม.ขึ้นไปยังคงเก็บอัตราเดิม ส่วนค่าเซอร์ชาร์จแท็กซี่สุวรรณภูมินั้น จะอนุมัติให้ปรับจาก 50 เป็น 70 บาท ส่วนค่าขนกระเป๋าสัมภาระก็จะอนุมัติให้เก็บใบละ 20 บาท ความกว้าง 26 นิ้วขึ้นไป ตั้งแต่ใบที่ 3 เป็นต้นไป สำหรับการปรับค่าโดยสารจะมีผลภายในระเวลา 1 เดือน ซึ่งเป็นกรอบเวลาที่ผู้ประกอบการแท็กซี่ได้ยื่นข้อเรียกร้องขอให้ภาครัฐ โดยกรมการขนส่งทางบกพัฒนาแอปพลิเคชั่นใหม่ทดแทนแท็กซี่ OK ซึ่งผู้ประกอบการระบุว่าต้องเสียค่าดำเนินการเข้าสู่ระบบ 30,000 บาท และต้องจ่ายเดือนละ 350 บาทต่อคันด้วย ซึ่งได้สั่งการให้ทำการพัฒนาแอปฯ ภายใน 1 เดือน หรืออย่างช้าไม่เกิน 15 ตุลาคมนี้ พร้อมทั้งให้ยกเลิกแท็กซี่ OK และผู้ประกอบการเสียค่าการใช้ระบบ 350 บาทต่อคันเป็นเดือนสุดท้าย โดยขอให้ผู้ประกอบการขับรถไปใช้แอปฯ ตัวใหม่แทน
+++คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ร้อยละ 0.25 ต่อปี จาก ร้อยละ 1.75 เป็นร้อยละ 1.50 ต่อปี โดยให้มีผลทันที ส่วน 2 เสียงเห็นควรให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิม นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังที่ประชุม กนง.ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยเชื่อว่า คณะกรรมการได้มีการประเมินปัจจัยต่างประเทศที่มีผลต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยแล้ว ซึ่งมองว่ามีเหตุผลเพียงพอที่จะใช้ดอกเบี้ยเป็นเครื่องมือในการดูแลเศรษฐกิจ แนะนักลงทุนติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ขณะที่เศรษฐกิจโลกผันผวนนั้นอาจส่งผลกระทบกับภาคธุรกิจและหลายอุตสาหกรรม ซึ่งแต่ละธุรกิจควรวางแผนรองรับไว้
+++นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า แม้ กนง.จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง แต่ค่าเงินบาทยังมีเสถียรภาพ โดยเชื่อว่า ธปท.จะมีนโยบายการเงินที่ออกมาดูแลเศรษฐกิจต่อเนื่อง สำหรับ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ณ สิ้นเดือนก.ค.2562 ปิดที่ 1,711.97 จุด ลดลง ร้อยละ 1.1 จากสิ้นเดือนก่อน และเพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.5 จากสิ้นปี 2561 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันรวมของ SET และ mai ในเดือนก.ค.2562 อยู่ที่ 64,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มบริการให้ผลตอบแทนมากกว่า SET Index ส่วนผู้ลงทุนต่างประเทศมีสถานะซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ด้วยมูลค่า 20,524 ล้านบาท ถือเป็นมูลค่าซื้อสุทธิสูงสุดในอาเซียน โดยในเดือนก.ค.2562 ตลาดหลักทรัพย์ไทยได้รับผลบวกจากความเชื่อมั่นด้านเสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศที่ดีขึ้น สอดคล้องกับการปรับ outlook เป็นบวกของบริษัทจัดอันดับ rating ส่งผลให้ผู้ลงทุนต่างประเทศยังคงซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่อง
+++วันนี้ ดัชนีหุ้นไทย ปิดตลาด ที่1,669.44 จุด ลดลง 2.04 จุด มูลค่าการซื้อขาย 84,465.14 ล้านบาท ภาพรวมตลาดหุ้นปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มแบงก์ และกลุ่มพลังงาน โดยกลุ่มแบงก์เผชิญแรงขายจากการที่นักลงทุนมองถึงผลกระทบของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้กำไรอาจจะน้อยกว่าที่ประมาณการไว้ และยังมองถึงเศรษฐกิจแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้
+++ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันนี้ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินเยน ขณะที่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐฯและจีน ดัชนีนิกเกอิปิดลบ 68.75 จุด แตะที่ 20,516.56 จุด หุ้นที่ปรับตัวลงในวันนี้นำโดยหุ้นกลุ่มผลิตภัณฑ์โลหะ กลุ่มเกษตรและประมง กลุ่มเหล็กและเหล็กกล้า
+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดวันนี้ปรับตัวขึ้น หลังจากธนาคารกลางจีนยืนยันไม่ใช้เงินหยวนทำสงครามการค้า ขณะที่นายแลร์รี่ คุดโลว์ หัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเปิดกว้างในการทำข้อตกลงการค้ากับจีน ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯใช้ความยืดหยุ่นในการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน ฮั่งเส็งเพิ่มขึ้น 20.79 จุด ปิดวันนี้ที่ 25,997.03 จุด
+++นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยทั้งการส่งออกและการใช้จ่ายภายในประเทศมีสัญญาณอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาส 2 ปี 2562 เครื่องชี้ส่วนใหญ่มีทิศทางชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก สะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าไตรมาสแรกที่ขยายตัวร้อยละ 2.8 สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง เศรษฐกิจไทยยังเผชิญกับความท้าทายจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐ เตรียมปรับขึ้นภาษีนำเข้าร้อยละ 10 ต่อสินค้าจีน วงเงิน 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีผลวันที่ 1 กันยายนนี้ ส่วนจีนได้ปรับเงินหยวนอ่อนค่าหลุดระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์ โดยเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 11 ปี จากปัจจัยนี้ ทำให้เงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวนและอาจจะปรับแข็งค่าขึ้น ล้วนเป็นแรงกดดันที่ไม่เอื้อต่อภาพการฟื้นตัวของการส่งออกไทยในช่วงที่เหลือของปี 2562
+++อย่างไรก็ตาม นับจากต้นปี จนถึงวันที่ 6 สิงหาคม 2562 เงินบาทแข็งค่าร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ โดยเป็นอัตราแข็งค่ามากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับเงินสกุลอื่น ๆ ทำให้เศรษฐกิจไทยต้องพึ่งพาการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยเฉพาะมาตรการระยะสั้นจากภาครัฐทั้งการบรรเทาผลกระทบจากภาวะภัยแล้งและการฟื้นความเชื่อมั่นของภาคเอกชน ซึ่งขณะนี้ที่ประชุม กกร.ยังคงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีปี 2562 ข้อมูลหลังผ่านพ้นเดือนกรกฎาคม 2562 เอาไว้ที่ร้อยละ 2.9-3.3 การส่งออกติดลบร้อยละ1.0 ถึง ร้อยละ1.0 และเงินเฟ้อ ร้อยละ 0.8- ร้อยละ 1.2 ไว้ตามกรอบเดิม
+++นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อไม่ให้เรื่องเงินบาทแข็งค่าเมื่อเปรียบเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯเป็นปัญหาสำหรับการค้าชายแดนระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีอาณาเขตติดกัน การค้าชายแดนควรใช้เงินตราของประเทศนั้น ๆ เช่น ไทย ค้าขายกับเมียนมาควรใช้ได้ทั้งเงินบาทและเงินจ๊าด เงินบาทกับเงินเรียลของกัมพูชา เงินบาทกับเงินกีบของ สปป.ลาว และเงินบาทกับเงินริงกิตของมาเลเซีย
+++การช่วยเหลือลูกเรือประมงไทย ที่ถูกนายจ้างไทยทอดทิ้งกลางทะเลโซมาเลีย ที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จากการติดตามสถานการณ์ทราบว่าสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี ประเทศเคนย่า โดย นายเชิดเกียรติ อัตถากร เอกอัครราชทูต ได้ประสานงานเพื่อให้การช่วยเหลือลูกเรือประมงดังกล่าว และได้รับการตอบรับจากบุคคลระดับผู้นำของรัฐในพื้นที่แล้ว และจากการเฝ้าฟังอย่างใกล้ชิดทราบว่า ลูกเรือได้รับเสบียงและน้ำเพิ่มเติมแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่กระทรวงการต่างประเทศกำลังเตรียมการเพื่อดูแลการเดินทางกลับของลูกเรือ โดยประสานงานกับองค์การเพื่อการย้ายถิ่นฐานระหว่างประเทศ ทั้งนี้ คาดว่าลูกเรือดังกล่าวจะสามารถเดินทางกลับได้ภายในปลายสัปดาห์นี้
+++รับมอบแล้ว สารสกัดกัญชาเพื่อการแพทย์ ที่องค์เภสัชกรรม (อภ.) ผลิตเสร็จ จำนวน 6,500 ขวด จากนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จะเร่งกระจายสารสกัดจากกัญชา ให้กับโรงพยาบาลในสังกัด เบื้องต้น 4,500 ขวด แบ่งเป็น 3,900 ขวด มอบให้โรงพยาบาลศูนย์ ทั้ง 12 เขตสุขภาพไปกระจายให้โรงพยาบาลละ 300 ขวด ส่วนที่เหลืออีก 600 ขวด กรมการแพทย์รับดำเนินการ 100 ขวดเป็นการศึกษาวิจัยเซลล์มะเร็งในหลอดทดลองของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ส่วนที่เหลืออีก 500 ขวดเป็นการศึกษาวิจัยในสัตว์ทดลอง ส่วนอีก 2,000 ขวด คาดว่าจะได้รับในสิ้นเดือนสิงหาคมนี้ การใช้น้ำมันกัญชาเพื่อรักษาโรค ยืนยันใช้ไม่ได้ทุกโรค ใช้ได้ใน 4 กลุ่มโรค ได้แก่ ลมชักในเด็ก , ปลอกประสาทอักเสบเสื่อมแข็ง แก้ปวด และบรรเทาอาการข้างเคียงที่ได้รับการเคมีบำบัด คลื่นไส้ อาเจียน ส่วน 3 กลุ่มโรคที่น่าจะเอื้อประโยชน์ได้ ยังไม่มีการรับรองทางการแพทย์ ได้แก่ พาร์กินสัน , อัลไซเมอร์ เป็นต้น การใช้ต้องมีการติดตามและประเมินผลและอยู่ในการดูแลของแพทย์ ซึ่งหากมีข้อสงสัยหรือปัญหาเกี่ยวกับการใช้สารสกัดจากกัญชา สามารถโทรสอบถามผ่านสายด่วน 1165
+++ช่วงบ่ายวันนี้ นายหนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย นักแสดงและพิธีกรชื่อดัง เดินทางมาพร้อมกับนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ เจ้าของเฟซบุ๊ก “ทนายคลายทุกข์”ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากครอบครัว น.ส.แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา จำเลยในคดีแพ่งที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ชดใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ เดินทางมาพบนายโอภาส อนันตสมบูรณ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง และนายปุญชรัสมิ์ วราพงศ์พิศาล รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง เป็นผู้รับมอบแคชเชียร์เช็ค จำนวน 862,800 บาท มามอบให้เพิ่มเติมจากที่เมื่อวานนี้ ( 6 ส.ค.)ได้นำแคชเชียร์เช็ค จำนวน 41,755,050.79 บาท แต่ยังไม่ครบเต็มจำนวนที่ได้มีการคำนวณเงินต้นและดอกเบี้ยตามคำพิพากษาของศาลฎีกา
+++นายโอภาส อธิบดีผู้พิพากษาศาล ยืนยันว่าเช็คที่ศาลได้รับมาเมื่อวานนี้ ได้นำเข้าบัญชีศาลเรียบร้อยแล้ว ส่วนเช็คเพิ่มเติมวันนี้ก็มั่นใจว่าสามารถนำไปขึ้นเงินได้ เพราะเป็นแคชเชียร์เช็ค โดยผู้เสียหายที่ทราบข่าวก็สามารถมารับเงินได้ทันทีที่ศาลแพ่งตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (8 ส.ค.) เนื่องจากทางศาลมีบัญชีระบุยอดเงิน และรายชื่อของโจทก์ทั้งหมดแล้ว รวมยอดเงินทั้งสิ้น 43,359,651.70 บาท.
+++การดำเนินการเกี่ยวกับร่างนายลีอุย แซ่อึ้ง(ซีอุย) นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ชี้แจง ว่า หลังคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ประกาศตามหาญาติของนายลีอุย แซ่อึ้ง(ซีอุย) ที่มีหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับนายลีอุย แซ่อึ้ง(ซีอุย) ติดต่อมายังคณะฯ เพื่อร่วมพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับร่างนายลีอุย แซ่อึ้ง (ซีอุย) ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม จนถึงวันที่ 4 สิงหาคม 2562 มีผู้แสดงตนว่าเป็นญาติ แต่ไม่สามารถแสดงหลักฐานได้ว่าเป็นญาติอย่างแท้จริง
+++คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลได้นำร่างนายลีอุย ออกจากพิพิธภัณฑ์นิติเวชศาสตร์ สงกรานต์ นิยมเสน แล้ว หลังได้รับการทักท้วงด้านกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินการร่างนายลีอุย จึงได้มีการปรึกษาหารือร่วมกับคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เร่งศึกษาข้อกฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการดำเนินการกับร่างดังกล่าว คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล จะแจ้งผลให้ทราบต่อไป