พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในการดูแลปากท้องประชาชนและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจว่า ขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งผลจากสงครามการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจและความมั่งคงในภูมิภาคอื่น ๆ ด้วย กระทบตลาดทุนและตลาดหลักทรัพย์ต่าง ๆ นายกฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 โดยงบประมาณดังกล่าวตั้งอยู่ในกรอบวงเงินเดิมคือ 3,200,000 ล้านบาท เป็นการตั้งงบประมาณไว้ในลักษณะขาดดุลเช่นเดิม มีข้อเสนอในครม.เรื่องการจัดทำงบประมาณ การบริหารเศรษฐกิจในช่วงที่เหลืออยู่ของปี 2562 ควรให้ความสำคัญเรื่องการลงทุนภาครัฐ การจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว ขณะเดียวกันควรให้ความสำคัญกับการรักษาวินัยทางการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด และไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณในระยะยาวนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ช่วงนี้เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนมาก กระทรวงการคลัง จะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เพื่อติดตามดูแลสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยไม่อยากให้นักลงทุนตกใจมากเกินไป เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก มองว่า นโยบายการเงินและนโยบายการคลัง ต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดที่ 1,671.48 จุด เพิ่มขึ้น 5.49 จุด มูลค่าการซื้อขาย 70,439.73 ล้านบาท ธนาคารกลางจีน จะตรึงค่าเงินหยวน ไม่ปล่อยให้อ่อนค่าลงไปอีก เพื่อต้องการรักษาเสถียรภาพการเงินโลก ส่งผลให้เงินหยวนเริ่มนิ่งและดูจะแข็งค่าขึ้นมาเล็ก ๆ จากเมื่อวานนี้เงินหยวนปิดที่ 7.10 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะนี้เงินหยวนอยู่ที่ 7.07 หยวน/ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งไม่อ่อนค่าลงไปอีก ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ญี่ปุ่น ปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ท่ามกลางความขัดแย้งด้านการค้าที่รุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีน แต่เงินเยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ได้ช่วยกระตุ้นแรงซื้อคืนหุ้น และช่วยลดผลกระทบจากแรงขายหุ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ดัชนีนิกเกอิ ปิดลดลง 134.98 จุด ปิดที่ 20,585.31 จุด ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดวันนี้ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ประท้วงในฮ่องกง รวมถึงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ดัชนีฮั่งเส็ง ลดลง 175.08 จุด ปิดที่ 25,976.24 จุด
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมประท้วงในฮ่องกง ว่า ฮ่องกงให้ความสำคัญในการดูแลติดตามการชุมนุมประท้วงในครั้งนี้ และพยายามจะควบคุมไม่ให้สถานการณ์บานปลาย และแม้การชุมนมจะยังคงเน้นอยู่ในย่านธุรกิจ แต่ก็ส่งผลทำให้การเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะ รวมถึงสนามบินมีปัญหาบ้าง กระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้ห้ามให้คนไทยเดินทางไปยังเกาะฮ่องกง เนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์ประท้วงดังกล่าวเป็นการชุมนุมเฉพาะจุดในบางย่านเท่านั้น ซึ่งภาพรวมในหลายพื้นที่ไม่ได้เป็นปัญหา เพียงแต่ผู้ที่ต้องการเดินทางไปทำธุระหรือต้องใช้ความเร่งด่วน ก็ควรศึกษาข้อมูลก่อนเดินทาง เรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญอีกเรื่องคือ การบริหารจัดการน้ำและภัยแล้งปริมาณน้ำสะสมที่เก็บไว้ในเขื่อนและแม่น้ำต่าง ๆ มีจำนวนค่อนข้างน้อย จึงต้องมีการบริหารจัดการน้ำและเตรียมการเรื่องนี้ไว้ให้พร้อม ทั้งการขุดลอกคูคลองต่าง ๆ ในโครงการต่างๆ เป็นต้น
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรน้ำ สาธารณรัฐประชาชนจีน แจ้งข้อมูลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังน้ำจิ่งหงที่จะเริ่มปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนจิ่งหง ลงจาก 1,100 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เป็น 600-800 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ตั้งแต่วันที่ 11 - 15 สิงหาคม 2562 เพื่อบำรุงรักษาสายส่งไฟฟ้าโรงผลิตพลังน้ำ หลังจากนั้นจะปรับเพิ่มการระบายน้ำจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ สทนช.เร่งแจ้งไปยังผู้ว่าราชการ 8 จังหวัดริมแม่น้ำโขง ได้แก่ จ.เชียงราย เลย นครพนม หนองคาย มุกดาหาร บึงกาฬ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี กรมทรัพยากรน้ำ กรมเจ้าท่า กรมประมง และกรรมการลุ่มน้ำโขงเหนือ กรรมการลุ่มน้ำโขงอีสาน เพื่อรับทราบสถานการณ์ พร้อมประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นและเตรียมมาตรการรับมือล่วงหน้าก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม ระดับน้ำในแม่น้ำโขง ลดลงเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ จ.เชียงราย ลงมาจนถึง จ.เลย และจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามประกาศทางเว็บไซต์ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ว่าเขื่อนจิ่งหง ลดปริมาณการระบายน้ำลงครึ่งหนึ่ง เนื่องจากการซ่อมแซมระบบสายส่งระหว่างวันที่ 5-17 กรกฎาคม ประกอบกับแม่น้ำสาขาที่ไหลลงแม่น้ำโขงต่างเหือดแห้งลงจึงทำให้แม่น้ำโขงลดลงจนน่าตกใจและแห้งลงเร็วกว่าปกติ ด้านนายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปริมาณฝนที่ตกจากอิทธิพลของพายุวิภา ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม -6 สิงหาคม 2562 ทำให้มีน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำของเขื่อนขนาดใหญ่ 35 แห่งทั่วประเทศรวม 2,011.69 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) สำหรับอ่างเก็บน้ำ 4 เขื่อนหลักลุ่มเจ้าพระยามีน้ำไหลเข้าอ่างฯ รวม 622.92 ล้านลบ.ม.กรมชลประทาน เริ่มปรับลดการระบายน้ำลงตามความต้องการใช้น้ำของแต่ละพื้นที่
แฟ้มภาพ