นายนาบิล อาบู รูดีนา โฆษกประธานาธิบดีมาห์มูด อับบาสของปาเลสไตน์ระบุว่า การที่อิสราเอลสั่งปิดและห้ามนักท่องเที่ยวทั้งชาวยิวและมุสลิมไม่ให้เข้าชมบริเวณมัสยิดอัล-อักซาในกรุงเยรูซาเล็มเมื่อช่วงเช้าวันนี้ หลังเกิดกรณีการยิงชาวยิวหัวรุนแรงคนหนึ่งเสียชีวิตเมื่อคืนก่อน เท่ากับเป็นการประกาศสงครามกับพลเมืองปาเลสไตน์ ชาวอาหรับและต่อบรรดาประเทศที่นับถืออิสลามทั้งมวล ระบุว่า ทางการปาเลสไตน์จะใช้มาตรการทางกฏหมายเพื่อกดดันให้อิสราเอลยุติการกระทำนั้น
สำหรับบริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งสถานศักดิ์สิทธิ์ที่สุดอันดับสามของอิสลาม แต่ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดสำหรับชาวยิว ซึ่งเรียกสถานที่นั้นว่า เนินพระวิหารเนื่องจากครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ตั้งของวิหาร 2 แห่งของชาวยิว แม้ว่าโดยปกติ คนที่ไม่ใช่มุสลิมสามารถจะเยือนสถานที่นั้น แต่ชาวยิวจะไม่ได้รับอนุญาตให้สวดมนต์ที่วิหารนั้นเนื่องจากหวั่นเกรงว่าเป็นจุดเสี่ยงเกิดเหตุปะทะระหว่างชาวยิวกับมุสลิม
ก่อนหน้านี้ อิสราเอลได้สั่งปิดบริเวณมัสยิดและวิหารดังกล่าว หลังเกิดเหตุยิงกันเมื่อคืนก่อน หลังชายชาวปาเลสไตน์คนหนึ่ง ซึ่งใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะก่อเหตุ พยายามจะยิงชาวยิวชาตินิยมคนหนึ่ง ซึ่งเคลื่อนไหวมานานเพื่อให้ชาวยิวมีสิทธิ์เข้าไปทำพิธีสวดมนต์ในบริเวณที่ตั้งของมัสยิดอัล-อักซา หลายชั่วโมงต่อมา ตำรวจได้บุกจู่โจมยังบ้านพักของชาวปาเลสไตน์คนหนึ่งซึ่งต้องสงสัยว่า เป็นมือปืน ส่งผลให้เกิดเหตุยิงต่อสู้กัน และผู้ต้องสงสัยรายนั้นถูกตำรวจทำวิสามัญฯในที่เกิดเหตุ/20.23 น.