หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการตรวจสอบข้าวในโกดังรัฐเบื้องต้นข้าวที่รัฐบาลรับมาจากรัฐบาลชุดเดิม สต็อกแรก 18ล้านตัน จากการคัดกรองข้าวทั้งหมด พบว่า เป็นข้าวที่ได้มาตราฐานร้อยละ 10 เป็นข้าวคุณภาพต่ำ มีสีเหลือง เก็บนาน ร้อยละ 70 เป็นข้าวเสื่อมราคา ร้อยละ 4-5 และที่เหลือ เป็นข้าวที่หายออกไปจากคลัง ประมาณ 1แสนตัน หลังจากนี้ จะต้องนำข้อมูลต่างๆ ส่ง ต่อให้กับ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ปปช. เพื่อให้ตรวจสอบการทุจริตต่อไป รวมถึงรัฐบาล จะขออนุมัติป.ป.ช.เพื่อเริ่มระบายข้าวได้ เพื่อป้องกันปัญหาราคาข้าวตกต่ำ และไม่กระทบต่อราคาข้าวรอบใหม่ ส่วนการสวมสิทธิ์ข้าวในโครงการ จะต้องดำเนินการสืบหาข้อเท็จจริจต่อไป และนโยบายการให้ชาวนารักษาข้าวไว้ในยุ้งฉางก็เพื่อลดภาระต้นทุนการเก็บข้าวของรัฐบาล ที่ต้องใช้งบประมาณสูงถึง2600ล้าน ต่อเดือน
ด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หลังจากนี้จะต้องเกิดการจ้างงานประชาชนเพิ่มมากขึ้น และ เพื่อลดการทำนาปรัง การเพาะปลูกพืชที่ไม่ได้ผล โดยนายกรัฐมนตรี ได้ยกตัวอย่างว่าการแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ เหมือนการมอบปลา ให้กับประชาชน เพื่อให้มีต้นทุน แต่ก็ต้องมอบคันเบ็ดให้ประชาชนด้วย เพื่อที่จะสามารถสามารถประกอบอาชีพด้วยตนเองได้อย่างยั่งยืน
สำหรับ การเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่21 หลังจากนี้จะให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. ดำเนินการเสนอแนวทางปฏิรูปพลังงาน ภายใน2เดือน เพื่อให้ทันกับการดำเนินการยื่นขอเปิดสัมปทานที่จะใชัเวลา4เดือน จากนั้นจะนำข้อมูลมาพิจารณา หากข้อมูลทั้ง 2 ฝ่ายตรงกัน ค.ร.ม. จึงจะอนุมัติการเปิดสัมปทาน
ส่วนรายชื่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ในสัดส่วนค.ร.ม.ในวันนี้ได้มีการหารือ และได้รายชื่อจำนวนหนึ่งแล้ว แต่จะนำรายชื่อทั้งหมด เข้าหารืออีกครั้งในที่ประชุมร่วมค.ร.ม.และคสช. ในวันที่4พ.ย.