การดำเนินคดีกับบ้านลอยน้ำกลุ่มSeasteading ภายหลังการประชุม คณะทำงานตรวจสอบและติดตามกรณีคณะบุคคลสร้างวัตถุลอยน้ำ(Seasteading) บริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นการประชุมครั้งที่ 5 นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุม โดยสถานีตำรวจภูธรวิชิต อยู่ระหว่างการรวบรวมความรัดกุมของคดีโดยประสานกับกองทัพเรืออย่างใกล้ชิด ส่วนขั้นตอนเอกสารกับอัยการสูงสุดคงไม่มีปัญหาใด อาทิตย์หน้าคงเรียบร้อยทั้งหมดในส่วนของอัยการสูงสุด รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ขณะนี้ การสืบสวนคดีนี้ ยังดำเนินการต่อเนื่อง ส่วนขั้นตอนเอกสารกับอัยการสูงสุดคงไม่มีปัญหาใด คาดว่า อาทิตย์หน้าคงเรียบร้อยทั้งหมดในส่วนของอัยการสูงสุด
ส่วนประเด็นที่ผู้ต้องหาจะนำปัญหาไปฟ้องศาลโลกเป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นไม่ได้ ซึ่งความผิดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดด้านความมั่นคง โดยพื้นฐานทั่วไป เอกราชอธิปไตยของชาติไทย เราสงวนในหมวดนี้ไว้ ความผิดที่เกิดขึ้นในศาลโลกเกิดขึ้นได้ไม่กี่คดี เช่น โจรสลัด หรือฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ในมาตรฐานสากลที่เขากำหนดไว้ ดังนั้น ความผิดนี้เขาไม่สามารถไปฟ้องศาลโลกได้ เนื่องจากบ้านลอยน้ำเป็นของกลางในการกระทำความผิดต้องยึดอายัดไว้ส่วนจะฟ้องร้องว่าเราไปเคลื่อนย้ายของเขานั้น เขาเป็นคนที่กระทำความผิดซึ่งกฎหมายยังเปิดช่องให้เราเรียกค่าเสียหายจากเขาได้ด้วยซ้ำ
รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ย้ำว่าได้ดำเนินคดีเต็มที่ เรียกว่าต่อยอย่างสุดหมัดแล้ว ไม่ได้เลี้ยงไข้ จังหวัดได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการและกองทัพเรืออย่างใกล้ชิด การประชุมกันวันนี้จึงเป็นการขยายผลในด้านความผิดทางคดีอาญาของหมวดอื่นๆจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องมีหลายตัวบทที่เพิ่มฐานความผิดเข้ามา
ส่วนการติดตามตัวบุคคลทั้งสอง ขณะนี้ ตำรวจเร่งติดตามตัว แต่เนื่องจากล่าสุดตำรวจพบว่าอยู่เกาะตะรุเตาทางเขตทะเล ดังนั้น เขามีโอกาสที่จะหนีออกนอกราชอาณาจักรได้ จะเห็นว่าผู้ต้องหาชำนาญในการเดินเรือ และการใช้อุปกรณ์ต่างๆทางน้ำ ในเรื่องนี้ ทางจังหวัดภูเก็ต ต้องดำเนินคดีและต้องดำเนินการต่อไป เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีที่มีโทษร้ายแรงและผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติจำเป็นต้องระมัดระวังทำให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรมมากที่สุด
สำหรับการประชุมติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้ครั้งต่อไป ในวันที่ 8 พฤษภาคม นี้ ณ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 3
ขณะเดียวกัน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ร้องทุกข์กล่าวโทษเพิ่มในส่วนของคดีที่เกี่ยวข้องในการขึ้นทะเบียนบุคคลทั้งสองคนจากเดิมเพิกถอนวีซ่าและขึ้นแบล็กลิสต์เพิ่มเติมอีกกับวอทช์ลิสต์เป็นบุคคลเฝ้าระวังและยังไม่พบตัวทางช่องทางปกติของตรวจคนเข้าเมือง ในส่วนของเจ้าท่าภูเก็ตได้มอบหมายให้ไปตรวจสอบการขุดร่องน้ำในเขตราชอาณาจักรไทย สังเกตว่ามีการขุดร่องน้ำในทะเลเข้ามาลึก ส่วนการตั้งโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ดำเนินการเอาผิดแล้วโดยอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับสภ.ท่าฉัตรไชย แล้ว
สำนักงานเขตกสทช.มีการตรวจพบว่าวัตถุลอยน้ำดังกล่าวมีการติดตั้งวิทยุการติดตั้งเสาที่ไม่ได้รับอนุญาตทางกสทช.จึงดำเนินคดีในข้อหา พรบ.วิทยุคมนาคมพ.ศ.2498ข้อหา มีใช้นำเข้าซึ่งเครื่องวิทยุโดยไม่ได้รับอนุญาตนำเข้าจากเจ้าพนักงานและตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน มีความผิดโทษปรับไม่เกิน1แสนบาท หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้สื่อข่าว อชัถยา ชื่นนิรันดร์ รายงานจาก จ.ภูเก็ต