*พล.ต.ท.สุวิระ เผย สมชาย ผู้ต้องหารับหึงหวง และต้องการครอบครองกิจการ จึงวางแผนฆ่าทานากะ *

25 ตุลาคม 2557, 07:55น.


หลังจากที่เมื่อคืนนี้ เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบอาคาร พาณิชย์ 4 ชั้น ขนาด 2 คูหา เลขที่ 99/427-428  หมู่ 9 ริมถนนบางนา-ตราด กม. 18 ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อรื้อคดีขึ้นมาใหม่ หลังจากที่ น.ส.เค๊กโกะ มัตตะ อายุ 31 ปี  ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ลูกสาวนายคาซิโตชิ ทานากะ อายุ 57 ปี นักธุรกิจชาวญี่ปุ่นอดีตสามีนางพรชนก ไชยยะปะ แจ้งความที่ สภ.บางเสาธง ให้ดำเนินคดีกับนางพรชนก เนื่องจาก เชื่อว่า การเสียชีวิตของบิดาจากอุบัติเหตุตกบันไดมีเงื่อนงำ



พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา รักษาราชการแทน ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับจส.100 เล่าให้ฟังว่า เมื่อเดินทางไปตรวจจุดที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์ที่ผ่าตัดศพของนายทานากะ ประกอบกับข้อมูลที่แพทย์ที่ผ่าศพนายทานากะ รวบรวมและบันทึกข้อมูลไว้อย่างละเอียดและครบถ้วน ประกอบกับบาดแผลของนายทานากะ พบว่า การเสียชีวิตไม่น่าจะเกิดจากการตกบันได ต้องมีอะไรทำให้ตก  ทำให้ทีมเจ้าหน้าที่ เชื่อว่า ต้องมีคนทำให้ตก



จึงได้เดินทางไปสอบปากคำนายสมชาย แก้วบางยาง ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่สภ.บางเสาธง เพิ่มเติม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ในวันที่เกิดเหตุ เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2546 นายทานากะ นายสมชาย นางพรชนก และนายสมศักดิ์ น้องชายตัวเอง รวมทั้ง นายวินัย บิดา อยู่ภายในอาคารพาณิชย์หลังนี้ ช่วยกันวางแผนฆาตกรรมนายทานากะ เนื่องจากหึงหวง และประสงค์ต้องการจะเป็นเจ้าของกิจการแทน เนื่องจาก นายทานากะ ประกอบอาชีพขายรถเครื่องมือทางการเกษตรที่นำเข้าจากต่างประเทศ และนายทานากะ จดทะเบียนอยู่กินกับฉันท์สามีภรรยากับนางพรชนกด้วย แต่ในวันที่เกิดเหตุ นายสมชาย ผู้ต้องหา เล่าว่า นายทานากะ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ตัวเองเป็นสามีนางพรชนกและไม่เคยรู้มาก่อนว่าบุคคลทั้งหมดเป็นญาติกัน



นายสมชายเล่าให้พนักงานสอบสวนฟังว่า คืนวันเกิดเหตุ นายสมชาย รออยู่หน้าห้องที่นายทานากะ และนางพรชนกอยู่ด้วยกัน  กลางดึก เมื่อนายทานากะ ออกมาเข้าห้องน้ำ นายสมชาย จึงผลักนายทานากะตกบันได แต่ยังไม่เสียชีวิตทันทีเลยซ้ำทำให้เสียชีวิต ในช่วงเวลานั้นทุกคนดังกล่าวรู้เห็น และนางพรชนก สั่งทุกคนว่า ให้บอกตรงกันว่านายทานากะ ตกบันไดเสียชีวิตและห้ามทุกคนบอกว่า นายสมชายอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางพลี เจ้าของพื้นที่ ไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุพร้อมทั้งพยานแวดล้อมทุกฝ่ายให้การตรงกัน เลยสรุปสำนวนว่า นายทานากะเสียชีวิตจากบาดแผลและโรคหัวใจ ไม่ได้ขยายผลต่อ แต่อย่างไรก็ตาม ทีมแพทย์ที่ผ่าพิสูจน์ศพ เมื่อผ่าก็ได้ตั้งข้อสังเกตเรื่องการเสียชีวิตแต่พยานหลักฐานไม่เพียงพอจึงไม่ได้สอบสวนขยายผลต่อ   



พล.ต.ท.สุวิระ เปิดเผยว่า เมื่อผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ประกอบกับได้สอบปากคำ นายสมศักดิ์  พยานปากสำคัญที่ให้การตรงกัน จึงขออำนาจศาลขอควบคุมตัว เพื่อนำตัวไปทำแผนจุดที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะนำตัวทั้งนางพรชนกและนายสมชายไปฝากขังที่ศาลอาญาก่อนเที่ยง  ส่วนการตั้งข้อหา ทั้งสองคดี คือคดีของครูญี่ปุ่น และ นายทานากะ ต่างกรรมต่างวาระ แต่การกระทำประทุษร้ายลักษณะเดียวกัน จึงจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเป็นคดีที่สามคือการให้การเท็จกับเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ขอบคุณทุกฝ่ายทั้งทีมแพทย์ พนักงานสอบสวน ที่ช่วยกันทำคดีนี้เพื่อให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับความเป็นธรรม

ข่าวทั้งหมด

X