นายฟรานซ์ ทิมเมอร์มานส์รัฐมนตรีการต่างประเทศเนเธอร์แลนด์ เปิดเผยผลการสอบสวนเหตุเครื่องบินโดยสารของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลนส์ตกในภูมิภาคตะวันออกของประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ซึ่งพบว่า ผู้โดยสารคนหนึ่งในเครื่องบินลำนี้สวมหน้ากากออกซิเจนอยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มีผู้โดยสารส่วนหนึ่งที่รู้ว่ากำลังเกิดเหตุร้ายขึ้น แต่อัยการเนเธอร์แลนด์ เปิดเผยก่อนหน้านี้ ว่าผู้โดยสารคนหนึ่งมีสายรัดหน้ากากออกซิเจนพันอยู่ที่บริเวณลำคอ ไม่ใช่การสวมหน้ากากปิดปากและจมูก จึงจะต้องมีการพิสูจน์ลายนิ้วมือต่อไป
ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ทุกคนในเครื่องบินลำนี้เสียชีวิตรวม 298 ศพโดยมีอยู่ 196 ศพที่เป็นชาวเนเธอร์แลนด์ และผลการสอบสวนเบื้องต้นชี้ว่า เครื่องบินลำนี้ถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน ซึ่งทั้งฝ่ายทางการยูเครน และกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในพื้นที่ต่างก็กล่าวหาอีกฝ่ายว่าเป็นผู้โจมตี โดยฝ่ายทางการยูเครนกับชาติตะวันตกนั้น ระบุว่า ฝ่ายแบ่งแยกดินแดนใช้ขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศบั๊ค (BUK) ที่ได้รับมาจากรัสเซีย
อย่างไรก็ตามคำเปิดเผยของรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์มีขึ้นก่อนที่อัยการจะแจ้งให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตรับทราบ ทำให้รัฐมนตรีต้องออกแถลงแสดงความเสียใจ และไม่มีเจตนาตอกย้ำความสูญเสีย แต่ฝ่ายอัยการเพิ่มเติมว่า กรณีของผู้โดยสารที่สวมหน้ากากออกซิเจนยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน ทั้งผู้โดยสารรายนี้ยังไม่ใช่ชาวเนเธอร์แลนด์หากแต่เป็นชาวออสเตรเลีย จึงแจ้งโดยตรงไปยังครอบครัวของผู้เสียชีวิตเท่านั้น
...F163..