*ทันสถานการณ์โลกเวลา06.30น.*

10 ตุลาคม 2557, 06:48น.


+++สำนักข่าวเอเอฟพี รายงาน เหตุระเบิดในย่านท่องเที่ยวกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงประเทศมาเลเซีย มีผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชาย 1 ศพ และมีผู้บาดเจ็บ 13 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวไทย 1 คน ชาวจีน 2 คน และชาวสิงคโปร์ 1 คน ที่เหลือเป็นชาวมาเลเซีย  กระทรวงการต่างประเทศของไทย แถลงว่าได้รับการประสานจากสถานเอกอัคร ราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ตรวจสอบและพบว่า คนไทยที่บาดเจ็บเป็นผู้ชายอายุ 58 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ มีอาชีพประกอบธุรกิจเกี่ยวกับแว่นตาที่กรุงเทพฯ เดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศมาเลเซีย สถานเอกอัครราชทูตส่ง อัครราชทูตที่ปรึกษาเข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บชาวไทย ที่พักรักษาตัวอยู่ในร.พ.กัวลาลัมเปอร์ แล้ว ในเบื้องต้นพบว่าได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดรวม 3 แผลที่ขาทั้ง 2 ข้าง อาการไม่สาหัส มีกำลังใจดี สถานเอกอัครราชทูตจะติดตามอาการและนำของเยี่ยมไปมอบให้ และจะประสานกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไป



+++ขณะที่ทางการมาเลเซียกำลังสอบสวนเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสาเหตุระเบิด มีการสันนิษฐานว่าเป็นการปะทะกันระหว่างแก๊งอันธพาลในพื้นที่



+++เกิดเหตุคนร้าย กราดยิงใส่ผู้โดยสารที่มาใช้บริการที่สถานีรถไฟใต้ดิน ลาแซลล์ สตรีท ในเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ ของสหรัฐฯ โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ นายมาร์ติน มาโลนีย์ โฆษกสำนักงานตำรวจเมืองชิคาโก แถลงว่า เจ้าหน้าที่จับคนร้ายได้ 1 คน พร้อมอาวุธปืนที่ใช้ ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุนางแคเธอรีน โฮซินสกี โฆษกหญิงประจำสำนักงานขนส่งชิคาโก กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาที่ผู้โดยสารยังไม่ลงจากรถ ทำให้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้  เบื้องต้นยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับแรงจูงใจในการก่อเหตุของคนร้าย



+++รัฐบาลฮ่องกง ยกเลิกการประชุมกับบรรดาแกนนำนักศึกษาของขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยในวันศุกร์นี้ นางแคร์รี แลม ประธานเลขาธิการรัฐบาลกล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดให้มีการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ หลังผู้นำการประท้วงเรียกร้องให้เพิ่มความพยายามในการยึดพื้นที่การประท้วงในหลายพื้นที่ นางแลม ชี้แจงว่า การเจรจาไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพราะมีการยั่วยุให้ประชาชนจำนวนมากเข้าร่วมในการประท้วงการยึดเมืองที่ผิดกฎหมาย



+++สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ว่าสื่อของทางการเกาหลีเหนือ ซึ่งปกติจะรายงานโดยละเอียดเกี่ยวกับการปฏิบัติภารกิจของนายคิมจอง-อึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือในวัย 31ปี แต่ครั้งนี้กลับไม่มีรายงานใดๆทั้งสิ้นนับตั้งแต่วันที่3ก.ย.เป็นต้นมา จึงจุดกระแสข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเกี่ยวกับสุขภาพของเขาหรือไม่ ก็อาจจะหลุดจากอำนาจ อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลจีนและรัฐบาลเกาหลีเหนือ ซึ่งสามารถเข้าถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้เปิดเผยว่า นายคิม จอง-อึน ยังคงคุมอำนาจสูงสุดในเกาหลีเหนือ ไม่มีการแบ่งขั้วในกลุ่มผู้นำระดับสูงเขาเพียงได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าและหัวเข่าเหตุเกิดตั้งแต่ปลายเดือนส.ค.หรือไม่ก็ต้นเดือนก.ย.เพราะน้ำหนักมาก เขาเดินกะเผลกตั้งแต่นั้นมาแต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้นทำให้เดินลำบาก จำต้องใช้เวลาอีกราว 3เดือน กว่าจะดีขึ้น



+++ทางการสหรัฐ ประกาศเตือนพลเมืองชาวอเมริกันในฟิลิปปินส์ให้ระมัดระวังตัว หลังเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เปิดเผยว่า สามารถสกัดแผนวางระเบิดที่กรุงมะนิลาของกลุ่มอิสลามติดอาวุธได้ สถานทูตสหรัฐในฟิลิปปินส์ ประกาศเตือนอีกครั้งว่า ขอให้ชาวอเมริกันทุกคนระวังตัว และแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ หากพบพัสดุต้องสงสัย ทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ แถลงภายหลังประกาศเตือนของสถานทูตสหรัฐว่า เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงได้ติดตามสถานการณ์ตลอดและเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ โดยไม่ได้ลดระดับลง



+++สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา หลังจากที่นางเทเรซา โรเมโร วัย 40 ปี พยาบาลชาวสเปนคนแรกที่ติดเชื้อไวรัสอีโบลานอกพื้นที่แอฟริกาตะวันตก โฆษกโรงพยาบาลคาร์ลอสที่ 3 ในกรุงมาดริดของสเปน เปิดเผยว่า นางโรเมโร เริ่มมีอาการทรุดลงต่อเนื่องจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ นางโรเมโร เป็น1 ในทีมแพทย์และพยาบาล 30 คนที่ดูแลมิชชันนารี 2 คน ที่เสียชีวิตจากเชื้ออีโบลา เธอเคยบอกก่อนหน้านี้ว่า อาจจะติดเชื้อไวรัสอีโบลา หลังถอดชุดคลุมป้องกันโรค หลังการทำความสะอาดห้องของมิชชันนารีคนหนึ่ง ขณะเดียวกัน แพทย์อีก 2 คนซึ่งให้การรักษาเธอขณะนี้ถูกแยกตัวเพื่อดูอาการว่าจะมีอาการป่วยจากไวรัสอีโบลาหรือไม่



+++ล่าสุด ที่ออสเตรเลีย มีข่าวว่าพยาบาลสภากาชาดวัย 57 ปีที่ไปทำงานรักษาผู้ป่วยอีโบลาที่เซียร์ราลีโอนนาน 1 เดือนและเดินทางกลับรัฐควีนส์แลนด์ของออสเตรเลียเริ่มมีอาการป่วย ขณะนี้ กำลังรอผลยืนยันว่าติดเชื้ออีโบลาหรือไม่



+++ทางการอังกฤษประกาศ เตรียมใช้มาตรการตรวจคัดกรองผู้โดยสารขาเข้าจากต่างประเทศ ที่สนามบินลอนดอน ฮีทโธรว์ และสนามบินลอนดอนแกตวิก สนามบินหลักของประเทศ รวมถึงสถานีชุมทางของรถไฟยูโรสตาร์ ที่วิ่งระหว่างประเทศในกลุ่มยุโรปตะวันตกด้วย เพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยจากความเสี่ยงที่อาจมีผู้ติดเชื้อไวรัสอีโบลาเดินทางเข้าประเทศ เนื่องจากกรุงลอนดอนนับเป็นศูนย์รวมเชื่อมต่อการคมนาคมที่สำคัญของโลก โดยจะมีการตรวจสอบประวัติการเดินทางของผู้โดยสาร ผู้คนที่เคยติดต่อพบปะ จุดหมายและแผนการเดินทาง รวมถึงการประเมินด้านสุขภาพด้วย ซึ่งจะดำเนินการโดยบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฝึกฝน



+++ไลบีเรีย ต้องระงับการเลือกตั้งวุฒิสภาทั่วประเทศ เนื่องจาก การแพร่ระบาดของเชื้ออีโบลา ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเกือบ 3 ล้านคนมีกำหนดไปลงคะแนนตามหน่วยเลือกตั้งต่างๆ  แต่องค์การต่างๆเตือนว่าหากเดินหน้าเคลื่อนย้ายและประจำการเจ้าหน้าที่ เช่นเดียวกับการรวมตัวของคนหมู่มาก อาจทำให้ชีวิตผู้คนตกอยู่ในความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของอีโบลา คณะกรรมการการเลือกตั้ง ระบุว่า จะปรึกษากับพรรคการเมืองต่างๆและผู้สมัครเพื่อขอมุมมองสำหรับกำหนดวันเลือกตั้งใหม่ โดยเป็นไปได้ก็อาจจะขึ้นก่อนสิ้นปี



+++เกิดเหตุเรือยนต์ลำหนึ่งบรรทุกผู้โดยสาร 52 คน อับปางนอกชาวฝั่งเกาะบาหลี ของอินโดนีเซีย เพราะปัญหาเครื่องยนต์ขัดข้อง จากคำบอกเล่าเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์และเจ้าหน้าที่ทราบว่าเป็นขบวนเจ้าบ่าว ที่กำลังจะเดินทางไปแต่งงานกับเจ้าสาวที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งบนเกาะปูเลาลาอัส จังหวัดบาหลี พ่อของเจ้าสาว น.ส.มาซุต บอกว่า ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนตัวเจ้าสาว บอกว่าทราบข่าวจากตัวเจ้าบ่าวซึ่งโทรศัพท์มาบอก น้ำเสียงตกใจมากบอกว่า เรือกำลังล่ม นอกจากตัวเจ้าบ่าวนายอาหมัด ยานี ที่สูญหายแล้วก็ยังมีญาติคนอื่นๆที่สูญหายรวม24คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถเก็บกู้ศพผู้เสียชีวิตขึ้นมาได้4ศพจากที่พบ20ศพ แต่ต้องยกเลิกเนื่องจากสภาพอากาศ แต่จะค้นหาต่อในเช้านี้



+++ราคาน้ำมันร่วงหนัก ท่ามกลางความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.54 ดอลลาร์ ปิดที่ 85.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม 2012 ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.33 ดอลลาร์ ปิดที่ 89.90 ดอลลาร์ ต่ำที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2012 



+++ตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอของเยอรมนีและฝรั่งเศส ฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงราวร้อยละ 3 จากแรงเทขายอย่างกว้างขวาง ท่ามกลางความกังวลต่อภาวะการเติบโตของต่างแดน ดาวโจนส์ ลดลง 334.97 จุด  ปิดที่ 16,659.25 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 40.68 จุด  ปิดที่ 1,928.21 จุด แนสแดค ลดลง 90.25 จุด ปิดที่ 4,378.34 จุด



+++ความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจยูโรโซน กระตุุ้นให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ส่งผลให้ราคาทองคำเมื่อวันพฤหัสบดี พุ่งขึ้นแรง โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 19.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,225.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 



+++จีนกำลังตามหาเสือโคร่งไซบีเรีย ที่ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียปล่อยเข้าสู่ป่า หลังจากที่มันตะลอนข้ามพรมแดนเพื่อมาหาอาหาร เสือที่ชื่อว่า คูเซีย ตัวนี้เป็นหนึ่งในเสือพันธุ์หายาก 3 ตัวที่ นายปูติน ช่วยปล่อยเข้าสู่ป่าในแคว้นอามูร์อันห่างไกลในไซบีเรียตะวันออกเมื่อเดือนพฤษภาคม   สำนักข่าวซินหวา ของทางการจีน รายงานโดยอ้างจากคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ว่า จากอุปกรณ์ติดตามที่ติดอยู่กับตัวของมัน พบว่ามันในเขตสงวนธรรมชาติ ไท่ผิงโกว ในมณฑลเฮยหลงเจียงที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน นายเฉิน จือกัง ผู้อำนวยการเขตสงวนธรรมชาติ บอกกับ สำนักข่าวซินหวาว่า ผู้เชี่ยวชาญชาวรัสเซียได้ติดต่อมาเพื่อบอกตำแหน่งของเสือตัวนี้ให้เราทราบ เจ้าหน้าที่ป่าไม้จะติดตั้งกล้องหลายสิบตัวเพื่อจับภาพเสือตัวนี้ และแจ้งให้เกษตรกรท้องถิ่นทราบ       

 

ข่าวทั้งหมด

X