*กกร.เชื่อมาตรการรัฐบาลกระตุ้นศก./ปิดช่องโหว่สวมสิทธิชาวนา/กำหนดคุณสมบัติหมอทำศัลยกรรม*

08 ตุลาคม 2557, 08:16น.


*ความเคลื่อนไหวเมืองไทยวันนี้ 08.30น.



+++หลายพื้นที่ได้จัดเตรียมพื้นที่รองรับนักท่องเที่ยวที่จะแห่กันเข้ามาชมความมหัศจรรย์ของบั้งไฟพญานาคลูกไฟสีแดงอมชมพูที่จะพวยพุ่งขึ้นมาจากแม่น้ำโขงในค่ำคืนวันที่ 8  ต.ค. นี้ ตั้งแต่เวลา 18.00-21.00 น. ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ซึ่งเป็นวันออกพรรษา จ.หนองคาย เริ่มมีนักท่องเที่ยวจากต่างจังหวัดทยอยเข้าพื้นที่ทั้งแบบกลุ่ม ครอบครัวและส่วนตัวหลังจับจองที่พักและโรงแรมไว้ล่วงหน้า  ขณะที่ส่วนราชการได้ติดตั้งแผนที่เส้นทางเที่ยวชมบั้งไฟพญานาคตามจุดต่าง ๆ  โดยเฉพาะเส้นทางหลักระหว่างตัวเมืองหนองคายอ.โพนพิสัย-อ.รัตนวาปี พร้อมจัดเจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัย สำหรับที่วัดไทย เขตเทศบาลตำบลโพนพิสัย  ที่คาดว่าจะมีผู้เข้าชมจำนวนมาก ได้เตรียมจัดพิธีบวงสรวงพญานาคแบบดั้งเดิมในช่วงเช้าและพิธีบวงสรวงพญานาคอย่างยิ่งใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำโขงในช่วงเย็น.+++การประชุมคณะกรรมการภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ภาคเอกชนประเมินว่างบกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลกว่า 3.6 แสนล้านบาท บวกกับงบช่วยเหลือชาวนาอีกกว่า 4 หมื่นบ้านบาท รวมถึงการท่องเที่ยวน่าจะขยายตัวมากขึ้น และหากรัฐบาลยกเลิกกฎอัยการศึกในพื้นที่ท่องเที่ยวจากปัจจัยเหล่านี้คาดว่าจะทำให้จีดีพี (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) ปีนี้ขยายตัวได้ถึง ร้อยละ2 แต่การส่งออกรวมทั้งปีจะติดลบร้อยละ 1



+++ส่วนการประชุมครม.และคสช. มอบหมาย ให้ ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ติดตาม มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการให้เงินเกษตรกร 1,000 บาทต่อไร่ หลังมีข้อมูลว่าทางเจ้าของที่นาอาจมาสวมสิทธิชาวนาในการรับเงินว่าจะมีช่องว่างหรือวิธีการแปลกใหม่ในการสวมสิทธิหรือไม่ ง โดยสั่งการว่าให้มีการกำหนดหลักเกณฑ์และวางแผนในเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อนที่จะถึงวันที่เริ่มจ่ายเงินให้กับชาวนาในวันที่ 20 ตุลาคมนี้



+++สำหรับการแก้ปัญหาราคายางพารา ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวในที่ประชุมว่าในอีก 2-3 วันข้างหน้า น่าจะมีข่าวดีเกี่ยวกับการขายยางในสต๊อกรัฐจำนวน 2.1 แสนตัน เนื่องจากใกล้ทำสัญญาขายยางได้แล้ว โดยสามารถขายได้ในราคาสูงกว่าราคายางในตลาดพอสมควร



++++ สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า หลังไทยสูญเสียตำแหน่งผู้ส่งออกข้าวมากที่สุดของโลกไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ขณะนี้ไทยเริ่มระบายข้าวออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องในระดับราคา 450 ดอลลาร์ (ราว 14,400 บาท) ต่อตัน ใกล้เคียงกับราคาข้าวของอินเดียและเวียดนาม ทั้งนี้ ตั้งแต่มกราคมจนถึงวันที่ 2 กันยายน รัฐบาลขายข้าวออกไปแล้ว 7 ล้านตัน มากกว่าการส่งออกเมื่อปี 2556 ที่ผ่านมาตลอดปีแล้วคาดว่าเมื่อถึงสิ้นปียอดส่งออกจะถึง 10 ล้านตัน ขณะที่รัฐบาลกระตุ้นให้ชาวนาปลูกข้าวคุณภาพดี ทดแทนปริมาณมากๆ พร้อมทั้งมีมาตรการช่วยลดต้นทุนของชาวนา



+++นายดาร์เรน คูเปอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากสภาธัญพืชระหว่างประเทศในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่ไทยจะทวงตำแหน่งผู้ส่งออกหมายเลขหนึ่งของโลกคืนจากอินเดียได้ในปีนี้ โดยไทยเริ่มยึดตลาดในแอฟริกา อาทิ ไนจีเรีย, ไอวอรี่โคสต์ และกานา คืนมาได้แล้ว



+++นายฮิโรยูกิ โคนูมะ ตัวแทนประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก สำนักงานอาหารและเกษตรกรรม (เอฟเอโอ) แห่งสหประชาชาติ ชี้ว่า การช่วยเหลือชาวนาด้วยการอุดหนุนในแง่เมล็ดพันธุ์และต้นทุนทางการเกษตรอื่นๆ ถือว่าดีกว่าการช่วยเหลือที่ผ่านมามาก พร้อมกันนั้นก็แสดงความชื่นชมที่ไทยผลักดันให้ปลูกข้าวคุณภาพดี ที่มีราคาสูงเช่น ข้าวหอมมะลิและข้าวปลอดสารพิษ เป็นต้น



+++นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ห้การแข่งขันในตลาดข้าวปีหน้าค่อนข้างสูง และราคาข้าวปรับตัวขึ้นยาก และไทยเองยังมีสต๊อกข้าวถึง 18 ล้านตัน จึงยิ่งกดดันราคาข้าวในโลกไม่ให้ สูงขึ้น



จากมาตรการรัฐบาลที่จะให้เงินช่วยปัจจัยการผลิตกับชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่นั้น ขณะนี้เริ่มมีนายทุนเจ้าของนายื่นเงื่อนไขกับผู้เช่า โดยขอแบ่งเงินชดเชยจากผู้เช่า ครึ่งหนึ่งคือรายละ 7,500 บาท หากผู้เช่ารายใดไม่ยินยอมจะไม่ให้เช่านาในฤดูต่อไป ทำให้ผู้เช่าอยู่ในภาวะจำยอม



+++นายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรว่า กระแสข่าวมีนายหน้าที่ดินแตกที่ดินเป็น 15 ไร่ โดยให้คนมาสวมสิทธิรับเงินว่า กรมมีข้อมูลการเช่าพื้นที่ การเป็นเจ้าของพื้นที่ และการเพาะปลูกจริงย้อนหลัง 4-5 ปี แม้เกษตรกรไม่มีเอกสารสิทธิการเช่าที่ชัดเจน แต่กรมมีรหัสแปลงโดยเป็นข้อมูลจากการลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่มาหลายปี"หากมีการสวมสิทธิแยกเป็นแปลงนาย่อยๆ จริง ข้อมูลที่เกษตรกรและผู้สวมสิทธิแจ้งจะเป็นข้อมูลใหม่ กรมจะตั้งข้อสงสัยและตรวจสอบพื้นที่ทันที หากสวมสิทธิรหัสแปลงย่อมซ้ำกับเจ้าของเดิมที่เคยเข้าโครงการของรัฐ



+++ร่างกฎหมายเรื่องภาษีมรดกและภาษีการให้ คาดว่าจะเสนอให้ สนช.ภายในเดือนตุลาคม โดยจะเก็บภาษีไม่ใช่ขั้นต่ำ 10% แต่จะเก็บภาษีมรดกที่ 10% ทั้งนี้ หลังจากร่างกฎหมายเสร็จสิ้นในเดือนตุลาคมนี้จะส่งเรื่องไปยัง ครม.เพื่อเห็นชอบ ก่อนส่งร่างกฎหมายให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาประกาศใช้ในลำดับต่อไป



+++ส่วนในวันนี้ 8 ตุลาคม นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง จะเรียกประชุมคณะกรรมการโครงการไทยเข้มแข็งเพื่อพิจารณาตัดงบโครงการที่ล่าช้า เพื่อนำเงินมาใช้ในมาตรการเร่งด่วนของรัฐบาลในการซ่อมสร้างโรงเรียนและโรงพยาบาลวงเงิน 15,000 ล้านบาท



+++นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า สคร. เตรียมเชิญผู้บริหารระดับสูงของรัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่ง มาประชุมหารือครั้งที่ 1 ในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ เพื่อติดตามการดำเนินงาน ปัญหาที่ค้างคา, อุปสรรคข้อจำกัดในขณะนี้



+++วันนี้  พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)จะตรวจเยี่ยม สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือ สพฐ จะมีการหารือ ปัญหาการสร้างสนามฟุตซอลแล้ว หลังนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ทำหนังสือถึง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขออนุมัติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มาร่วมตรวจสอบทั้งระบบ เนื่องจาก ป.ป.ท.ไม่มีกำลังเจ้าหน้าที่เพียงพอ อีกทั้งกรณีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) จากกรณีที่มีบริษัทเอกชน 2 บริษัท ที่มีเจ้าของเป็นบุคคลเดียวกันชนะการประมูลและทำสัญญาก่อสร้างกับทุกโรงเรียน โดยดีเอสไอมีอำนาจตรวจสอบกรณีฮั้วประมูล ส่วน ปปง.จะเข้าไปตรวจสอบเส้นทางการใช้จ่ายเงิน โดยเฉพาะ สพฐ.ว่าจัดสรรไปอย่างไรบ้าง



++ตัวแทนสมาคมพัฒนารถร่วมบริการเอกชนและชมรมผู้ประกอบการรถโดยสารประจำทางหมวด 4 เอกชนแห่งประเทศไทย ได้เข้ามายื่นหนังสือถึง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ขอให้พิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสารรถสองแถว และรถประจำทางหมวด 4 เพื่อลดภาระปัญหาการขาดทุนสะสม  รถสองแถว ขอปรับจาก 7 บาท เป็น 10 บาท รถโดยสารธรรมดา ปรับจาก 8 บาท เป็น 10 บาท และรถโดยสารปรับอากาศจากค่าโดยสารตามระยะทาง 12-24 บาท เป็น 14-26 บาท



+++ยังไม่จบ หลัง ช่อง 3 ไม่รับมติจาก กสท. ที่ให้นำผังรายการช่อง 3 อนาล็อก มาออกช่องดิจิตอลได้ทันที โดยไม่ขัดต่อข้อกฎหมาย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขา กสทช. กล่าวว่า เบื้องต้นได้แนะนำช่อง 3 ว่าหากไม่เห็นด้วยกับมติบอร์ด กสท. ให้ช่อง 3 ทำหนังสือเสนอให้ กสทช. เพื่อพิจารณาทบทวนมติบอร์ด กสท. ได้  ส่วนเวลา 13.00 น.ศาลปกครองนัดคู่กรณี ช่อง3 และ กสท.ไต่สวนหลังช่อง 3 ได้ยื่นคำขอทุเลาคำสั่งทางปกครองต่อศาล เมื่อวันที่ 6 ต.ค.



+++ศัลยกรรม นพ.สัมพันธ์ คมฤทธิ์ เลขาธิการแพทยสภา เปิดเผยภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองประชาชนจากการประกอบวิชาชีพเวชกรรมการเสริมสวยและการโฆษณามีมติให้ออกประกาศข้อบังคับคุณสมบัติของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมให้ชัดเจนว่าควรเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้ได้ร่างประกาศเสร็จสิ้นแล้วเตรียมที่จะเสนอคณะกรรมการแพทยสภา และเสนอในเวทีการประชุมไทยแลนด์ เมดิคัล เอกซ์โป วันที่ 7 พ.ย.นี้ ซึ่งจะมีกลุ่มประเทศอาเซียนและเกาหลีเข้าร่วมทั้งนี้ นอกจากนี้ยังจะตั้งคณะอนุกรรมการกลางรับรองหลักสูตรการประกอบวิชาชีพเวชกรรม ด้านการเสริมสวยขึ้นมาเพื่อพิจารณาหลักสูตรการอบรมการเสริมสวยในด้านต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของแพทยสภา ทั้งเครื่องมือ อาจารย์ที่สอน สถานที่อบรมหลักสูตรมีการสอนอะไรบ้าง ใครเป็นผู้จัดอบรมและลงลึกในรายละเอียดของการทำศัลยกรรมแต่ละประเภทด้วยว่าจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน เช่น ทำจมูก ทำตา อย่างน้อย 6 เดือนทั้งนี้นอกจากการทำศัลยกรรมแล้วยังต้องสามารถแก้ไขในกรณีที่ผิดพลาด ทั้งนี้หลักสูตรแรกที่จะออกมาคือประกาศหลักสูตรการฉีดฟิลเลอร์

ข่าวทั้งหมด

X