หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ หรือ คนร. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม นายกุลิศ สมบัติศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ในฐานะเลขานุการคนร. เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีการเห็นชอบให้ ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานกำกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ โดยให้ครอบคลุมถึงการออกเกณฑ์กำกับดูแล และตรวจสอบ ความเหมาะสมในการใช้เงิน พร้อมทั้งให้ติดตามและตรวจสอบ และสั่งการแก้ปัญหากรณีที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐดำเนินการไม่เหมาะสม ส่วนการกำกับด้านนโยบายการใช้จ่ายเงิน และ การตรวจสอบผู้ถือหุ้น ยังคงเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังในการตรวจสอบ
ส่วนความโปร่งใสการก่อสร้าง ของรัฐวิสาหกิจ จะมีการใช้ระบบ cost ซึ่งเป็นระบบตรวจสอบความโปร่งใสในการก่อสร้างที่มีมาตราฐานสากล มาปรับใช้กับโครงการต่างๆของรัฐวิสาหกิจ เบื้องต้นที่ประชุม คนร. มี มติให้นำร่องใช้ระบบcost กับโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ระยะที่2 ซึ่งระบบcostเป็นความร่วมมือในระดับนานาชาติ ที่ช่วยให้ประเทศต่างๆ ที่สมัครเข้าร่วมโครงการวางระบบในการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับโปรเจกต์การก่อสร้างที่มาจากเงินภาษีในประเทศ และนำไปสู่การเรียกร้องให้เกิดการเอาผิดในกรณีที่มีเหตุผิดปกติ
นอกจากนี้ที่ประชุมมีการเห็นชอบให้ระบบการจัดซื้อจัดจ้าง ของรัฐวิสาหกิฐ นำสัญญาคุณธรรม มาใช้ในการตรวจสอบดูแลโครงการนำร่องต่างๆ โดยในเริ่มนำร่องกับโครงการการจัดซื้อจัดจ้างรถโดยสารประจำทางที่ใช้ก๊าซธรรมชาติขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. และโครงการจัดหาผู้เดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย
ส่วนการแก้ไขปัญหาองค์กรของรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง คนร.มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ จ้างบริษัทที่ปรึกษามาแก้ไขธุรกิจและวางแผนยุทธศาสตร์ของบริษัท ทีโอที จำกัด(มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จในสิ้นปีนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้แก้ปัญหาอย่างรอบคอบและดำเนินการตามแผนงานที่วางไว้ ส่วนจะมีการควบรวมบริษัททั้ง2เข้าด้วยกันหรือไม่ ยังต้องดูปัจจัยต่างๆอีกหลายประการ