+++วันนี้เป็นวันแรกของการทำงานในตำแหน่งใหม่ มีการสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งและส่งมอบหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญๆ เมื่อค่ำวานนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบก ร่วมงานแสดงมุทิตาจิตแก่ผู้เกษียณอายุราชการ ประจำปี 2557 ณ สโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีรังสิต โดยมีข้าราชการในสังกัดกองทัพบก ที่เกษียณอายุราชการในปี 2557 และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ สังกัดกองทัพบกเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางถึงสโมสรทหารบก ในเวลา 19.40 น. บรรยากาศภายในงาน มีการตกแต่งสถานที่ให้คล้ายกับกองบัญชาการกองทัพบก ถ.ราชดำเนิน ตกแต่งด้วยรั้วกำแพงจำลอง สีเหลืองแดง ซึ่งคล้ายกับกำแพงของกองบัญชาการกองทัพบก และจัดวางฉาก รูปตึกกองบัญชาการ บริเวณทางเข้างานด้วย
+++พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเวทีร่วมร้องเพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย โดยจับมือคล้องแขนกับ พล.อ.อุดมเดช และ พล.อ.จิระเดช โมกขะสมิต ประธานที่ปรึกษา ทบ.ที่ยืนติดกัน และระหว่างร้องเพลงเพื่อผืนดินไทยซึ่งเป็นเพลงที่สอง พล.อ. ประยุทธ์ถึงกับตาแดงและน้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจ โดยหลังจากร้องเพลงจบ พล.อ.ประยุทธ์ได้ประกาศบนนเวทีว่า "ขอลงไปหอมภริยาเป็นตัวอย่างก่อน" จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้ลงจากเวทีไปหอมแก้มขวาและซ้าย อาจารย์น้อง ร.ศ.นราพร จันทร์โอชา ท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดของผู้ร่วมงาน
+++พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกหลังรับมอบหน้าที่จาก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกระแสข่าวปฏิวัติซ้อนว่าเป็นไปไม่ได้ กองทัพพร้อมทำงานสนับสนุนรัฐบาล สำหรับผู้ที่เห็นต่าง ให้เสนอผ่านเวทีสภาปฏิรูปแห่งชาติ
+++หลังพิธีรับส่งหน้าที่เสร็จสิ้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปลี่ยนรถประจำตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ทะเบียน ศท 1251 มาเป็นรถเบนซ์ส่วนตัว ทะเบียนญค18881แทนพล.อ.ประยุทธ์เปิดกระจกรถโบกมือลาผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ขบวนรถของพล.อ.ประยุทธ์เคลื่อนออกด้านหน้า บก.ทบ.อย่างช้าๆ มุ่งหน้าไปยังทำเนียบรัฐบาล และเข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาลเพียง 7 นาที ก่อนนำผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพที่เกษียณอายุราชการ เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ เพื่ออำลาตำแหน่ง
+++ พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยภายหลังเข้าพบ พล.อ.เปรม ว่า มากราบลาประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ซึ่งในการพบกันต่างฝ่ายต่างให้ กำลังใจซึ่งกันและกันในทำงาน โดยพล.อ.เปรมได้มอบหลวงปู่ทวด รุ่นบ้านเกิด ให้ทุกคน เพื่อเป็นสิริมงคล ขอให้ช่วยกันดูแลชาติบ้านเมือง รวมถึงอวยพรให้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้
+++ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จัดพิธีรับส่งหน้าที่และการบังคับบัญชา ระหว่าง พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ ปลัดกระทรวงกลาโหม และพล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล มีการสวนสนามของทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ พร้อมร่วมสักการะศาลเจ้าพ่อหอกลอง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทวงกลาโหม พร้อมฝากกำลังพลมุ่งมั่นปฎิบัติภารกิจเพื่อชาติ.
+++ในวันนี้ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) จะแถลงนโยบายภายหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในเวลา 10.00 น. พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า นโยบายหลักและถือเป็นนโยบายเร่งด่วน เรื่องนโยบายด้านความมั่นคง ยาเสพติด และการจราจร นอกจากนี้ ยังกำหนดนโยบายดูแลสวัสดิการความเป็นอยู่ของตำรวจ และการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ต้องลดลง และวันที่ 4 ต.ค. เวลา 09.30 น. จะเชิญ ผู้บังคับการ (ผบก.) และผู้บัญชาการ (ผบช.) ทุกหน่วยมารับมอบนโยบาย เพื่อนำไปชี้แจงให้ ผู้ใต้บังคับบัญชาไปปฏิบัติ
+++การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เลื่อนมาจากเมื่อวานนี้ วาระสำคัญเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการระดับสูง เช่น ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)
+++พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน จะเสนอรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในตำแหน่งอธิบดี รองปลัดกระทรวง และผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน 9 ตำแหน่ง เช่น ตำแหน่งของเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) มีชื่อ นางปราณิน มุตตาหารัช และนายพีรพัฒน์ พรศิริเลิศกิจ รองปลัดกระทรวงแรงงานเป็นแคนดิเดต ตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ก็ปรากฏชื่อของ ม.ล.ปุณฑริก สมิติ รองปลัดกระทรวงแรงงาน แต่มีรายงานข่าวแจ้งว่าหากนางปราณินหรือนายพีรพัฒน์ หากพลาดตำแหน่งเลขาธิการ สปส.จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอธิบดี กพร. และให้ ม.ล.ปุณฑริกเป็นอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.)
+++การเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เตรียมเสนอให้ประชุมพิจารณา ในส่วนของกระทรวงการคลัง รับผิดชอบจัดหาแหล่งเงินเพื่อสนับสนุนแนวทางของรัฐบาล ด้วยการรวบรวมงบประมาณจากโครงการที่ยังไม่เบิกจ่าย คาดว่าเม็ดเงินลงทุนดังกล่าวจะมีไม่ต่ำกว่า 2แสนล้านบาท เช่น โครงการลงทุนไทยเข้มแข็งเหลือประมาณ 15,000 ล้านบาท งบประมาณค้างจ่ายย้อนหลังไปก่อนปี 2557 ประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท และงบที่ยังไม่ได้เบิกจ้าง งบค้างท่อปี 2557 อีก 2แสนล้านบาท และงบบางส่วนที่เหลือจากการจัดซื้อจัดจ้างต่ำกว่าราคากลางอีก 3,000-4,000 ล้านบาท สำหรับมาตรการช่วยเหลือชาวบ้านครั้งนี้ เป็นแพ็กเกจกระจายไปหลายกลุ่ม เช่น มาตรการลดต้นทุนการผลิตให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน วงเงิน 1แสนล้านบาท เพื่อหวังช่วยเหลือชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะดูแล และยังมีโครงการสร้างการจ้างงาน เช่น การปรับปรุงถนน ขุดท่อ และสร้างงานในภาคชนบท ตามวัตถุประสงค์ของโครงการไทยเข้มแข็งเดิม เป็นต้น
+++นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ จะเสนอให้ ครม.อนุมัติงบประมาณ2,000 ล้านบาท ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ 2 เรื่อง คือ 1.การสร้างงานในชนบทในพื้นที่ไม่มีน้ำรองรับการปลูกข้าวนาปรัง 2.การจัดโซนนิ่งพืชบางชนิดให้สอดคล้องกับเขตเศรษฐกิจการเกษตร โดยเฉพาะยางพาราและข้าว
+++เรื่องการถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และ คดีถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา จากกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. กล่าวถึง มติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.กรณีถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามข้อบังคับของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่าตามที่ประธาน สนช.ส่งรายงานและสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีถอดถอนนายนิคม และนายสมศักดิ์ คืนมายังคณะกรรมการ ป.ป.ช. เนื่องจากปัจจุบันรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) มีผลใช้บังคับแล้ว คณะกรรมการ ป.ป.ช.เสียงข้างมากเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการดำเนินการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 64 ประกอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มาตรา 6 วรรคสอง ซึ่งระบุให้ สนช.ทำหน้าที่สภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา และรัฐสภา จึงมีมติให้ส่งเรื่องไปยังสนช.เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
+++นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช. กล่าวว่า กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติเสียงข้างมากส่งเรื่องให้ สนช. ดำเนินการกรณีการถอดถอนนายสมศักดิ์ และ นายนิคม เมื่อส่งเรื่องมายัง สนช. ก็เป็นหน้าที่ของประธาน สนช.ที่จะบรรจุเป็นวาระภายใน 30 วัน ตามข้อบังคับการประชุมสนช. แต่ก่อนที่จะบรรจุวาระคาดว่าประธานจะดำเนินการใน 2 แนวทางก่อน คือ ตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาเพื่อพิจารณาก่อน หรือส่งให้วิป สนช.พิจารณา เพราะขณะนี้ยังมีความเห็นแย้งกันอยู่ใน สนช. โดยให้ที่ประชุมมีมติว่าจะรับคำร้องของ ป.ป.ช.ไว้พิจารณาหรือไม่ โดยต้องได้เสียงกึ่งหนึ่ง หาก สนช.มีมติรับไว้ก็เข้าสู่กระบวนการพิจารณาถอดถอนต่อไป
+++สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฎิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการ สนช. รับการเข้ารายงานตัว สนช. ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเพิ่มอีก 28 คน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. อาคารรัฐสภา ทั้ง 2 วัน รวม 24 คน ทั้งนี้ มี สนช.ที่ยังไม่ได้เข้ารายงานตัวอีก 4 คน คือนายฉัตรชัย ปิยะสมบัติกุล พล.ต.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ นางสุรางคณา วายุภาพ และนายอนุมัติ อาหมัด จะต้องเข้ารายงานตัวในวันที่ 1 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเปิดรับรายงาน