หลังจากที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) มีคำสั่งจัดระเบียบทางเท้าบริเวณซอยถ.ข้าวสาร และถ.รามบุตรี โดยกำหนดให้วันที่ 1 สิงหาคมนี้จะต้องไม่มีผู้ค้ารายใดขายของบนทางเท้า ส่งผลทำให้ วันนี้ชมรมผู้ค้าแผงลอยเสรีถนนข้าวสาร จึงได้นัดกลุ่มผู้ค้าประชุมร่วมกันพร้อมเชิญกทม. มาหารือด้วย โดยกทม.ได้ส่งเจ้าหน้าที่เทศกิจเขตพระนคร มาร่วมประชุม
นาย กษิดิ์เดช สุขสว่าง เจ้าพนักงานเทศกิจชำนาญการ หัวหน้างานกิจการพิเศษ ฝ่ายเทศกิจเขตพระนคร เปิดเผยว่า วันที่ 1 สิงหาคม เวลา 09.00น. จะมีการจัด บิ๊กคลีนนิ่ง เดย์ บริเวณ ถ.ข้าวสาร ทำให้หลังจากนั้น ผู้ค้าจะไม่สามารถขายของบนทางเท้าได้อีก หากพบจะดำเนินการตามกฎหมาย ขอให้เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ต้องทำเพื่อรักษากฎหมาย พร้อมทั้งทำหนังสือไปยังสถานีตำรวจนครบาลชนะสงคราม ซึ่งเป็นสถานีตำรวจในท้องที่แล้วว่า จะให้ผู้ค้าเพียง 260 รายลงมาขายของบนผิวถนนข้าวสารได้เฉพาะช่วงเวลา 18.00-24.00น. ของทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์เท่านั้น นอกเหนือจากเวลานี้ไม่สามารถขายได้ โดยจะจัดพื้นที่ถนนประมาณ 7 เมตรเป็นทางเดินและที่ให้ขายของ และเว้นอีก 2 เมตรให้รถผ่าน แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่มีหนังสือตอบกลับมา ส่วนที่ผู้ค้าร้องว่ารับผู้ค้าได้เพียง 260 ราย ซึ่งไม่พอกับจำนวนผู้ค้าที่มีกว่า 400 ราย ยืนยันว่ามีแนวทางจัดการอยู่ อาจจำเป็นต้องให้ผู้ค้าบางส่วนไปขายที่อื่น
ด้านนางสาว ญาดา พรเพชรรัมภา ประธานชมรมฯ เปิดเผยว่า รับไม่ได้กับข้อเสนอที่ให้ขายเฉพาะช่วงเย็น เนื่องจาก ถ.ข้าวสาร และ ถ.รามบุตรีมีการค้าขายตลอดวัน ถ้าทำตามผู้ค้ารอบเช้าจะได้รับผลกระทบ เพราะไม่สามารถขายได้ ส่งผลถึงรายได้ของผู้ค้าและการท่องเที่ยวในพื้นที่ในช่วงกลางวัน ที่สำคัญชมรมฯรับไม่ได้ ที่กทม.แจ้งว่าผู้ค้าทุกคนจะต้องมาจับสลากกัน เพื่อหา 260 รายที่จะได้สิทธิ์ขายของ เพราะต้องการขายแบบเดิม และจะขายแบบเดิมไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้ข้อสรุปที่น่าพอใจจากกทม. แม้จะพ้นกำหนดห้ามขายแล้วก็ตาม โดยชมรมฯมีกฎว่าร้านค้าทุกร้านห้ามล้ำทางเท้าเกิน 1เมตร 20เซนเมตร โดยในวันพรุ่งนี้ จะรวมตัวกันเวลา 09.00น.เพื่อเดินขบวนจาก ถ.ข้าวสารไปยังศาลาว่าการกทม. และจะเตรียมหลักทรัพย์ส่วนหนึ่งไปเผื่อประกันตัว พร้อมฝากไปยังกทม.ว่าก่อนจะออกกฎใดควรรับฟังปัญหาประชาชนให้ถ่องแท้และควรร่วมมือกัน เพราะไม่เคยรับฟัง มีแต่ออกกฎด้วยตัวเอง
ด้านหนึ่งในผู้ค้า มองว่า การจัดระเบียบครั้งนี้น่าสงสัยว่าอาจเชื่อมโยงกับกลุ่มนายทุนที่ต้องการพื้นที่ดังกล่าว เพราะขณะนี้มีบางร้านที่เป็นของกลุ่มนายทุนได้ขยายพื้นที่รุกล้ำทางเท้า ทั้งนี้ที่ผ่านมากลุ่มผู้ค้าก็เสียเงินให้เทศกิจมาตลอดเดือนละ 500 บาท ซึ่งก็ไม่เคยมีปัญหาใด ด้านผู้ค้ารายอื่นมองว่าตัวเองเหมือนถูกลอยแพ เพราะไม่มีใครมาใส่ใจ และในพื้นที่ยังมีปัญหาเรื่องน้ำท่วมมาตลอด นอกจากนั้น หากไปขายในที่ ที่กทม.จัดให้ก็ยังไม่มีไฟฟ้าให้ด้วย