ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาเสียงข้างมากให้จำคุกนาย สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่มีเหตุให้รอลงอาญา จากกรณีที่ นาย สุรพงษ์ ตกเป็นจำเลยในคดีที่ออกหนังสือเดินทางหรือ พาสปอร์ตให้แก่นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในขณะที่กำลังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในสมัยรัฐบาลนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ศาลฎีกาฯ ใช้เวลาอ่านคำพิพากษาร่วม 1 ชั่วโมงกว่าโดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ ผู้รับผิดชอบสำนวนมีมติเสียงข้างมากพิเคราะห์ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาม.157 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยจำเลยมีพฤติการณ์ตระเตรียมการออกหนังสือเดินทางประเภทบุคคลทั่วไปให้แก่นายทักษิณ ตั้งแต่ชั้นรับคำร้อง พิจารณา และสั่งการ เพื่อปลดรายชื่อออกจากบัญชีรายชื่อบุคคลที่ต้องตรวจสอบก่อนออกหนังสือเดินทาง และยังปลดล็อคชื่อในระบบคอมพิวเตอร์ โดยทั้งหมดมีการกระทำอย่างเร่งรีบ ปกปิด ซ่อนเร้นเสมอมา
ศาลฎีกาฯ ยังพิเคราะห์ว่า จำเลยกระทำการโดยมิชอบ เพื่อให้นาย ทักษิณ ได้อยู่ในต่างประเทศ ทั้งที่นาย ทักษิณ ไม่มีสิทธิ์ได้รับหนังสือเดินทางและจำเลยมีคำสั่งและอ้างนโยบายการออกหนังสือเดินทางที่ไม่มีอยู่จริง ซึ่งเท่ากับว่าจำเลยให้การสนับสนุนช่วยเหลือนาย ทักษิณ เพื่อให้อยู่ต่างประเทศได้โดยสะดวกและง่ายต่อการเดินทางไปประเทศต่างๆทั่วโลก ทั้งยังง่ายต่อการหลบหนี ส่งผลให้กระบวนการยุติธรรมไทยไทยอ่อนแอ กระทบกระเทือนต่อชื่อเสียงและเกียรติภูมิประเทศ และเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ของนายทักษิณ และการออกพาสปอร์ตนี้ยังทำให้ไทยไม่สามารถส่งหนังสือให้ประเทศต่างๆที่นาย ทักษิณ ไปอยู่ขับไล่นาย ทักษิณได้ และไม่สามารถส่งหนังสือรับตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้ ส่วนกรณีที่จำเลยอ้างว่าไม่มีสิทธิออกหนังสือเดินทางนั้น
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยไม่มีสิทธิ์ออกหนังสือเดินทางก็จริง แต่จำเลยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีสิทธิ์ให้คุณให้โทษแก่ข้าราชการผู้ออกหนังสือเดินทาง และยังสามารถเสนอครม.เพื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการดังกล่าวได้ ข้ออ้างของจำเลยจึงไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานที่เพียงพอที่จะมาหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ที่มีความน่าเชื่อถือและหนักแน่นกว่า องค์คณะศาลฎีกาฯ เสียงข้างมากจึงพิพากษาจำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญาทันที
โดยขณะนี้ทนายความของจำเลยกำลังอยู่ระหว่างการยื่นขอประกันตัวที่ศาลแขวงดอนเมือง ด้านจำเลยก็ยังอยู่ในศาลเช่นเดียวกัน ซึ่งหากศาลฎีกาฯ ไม่อนุญาติให้ประกันตัวนาย สุรพงษ์ ก็จะถูกส่งตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯทันที
ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร ผู้สื่อข่าว
แฟ้มภาพ