ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดอ่านคำพิพากษาคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ในฐานะจำเลย ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริตก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 จากกรณีที่จำเลยออกหนังสือเดินทางพาสปอร์ตให้แก่นาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายสุรพงษ์ เดินทางมาถึงศาลฎีกาฯ เมื่อเวลา 09.00น. โดยมีอาการอ่อนเพลีย ต้องใช้ไม้เท้าค้ำพยุง และกล่าวว่าแม้สุขภาพจะไม่แข็งแรง แต่กำลังใจดี และเตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัวไว้แล้วจำนวนหนึ่ง มั่นใจว่าที่ผ่านมาทำทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา กระบวนการไต่สวนพยานจำเลยที่ผ่านมาก็เรียบร้อยมาตลอด
ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมาย เชื่อว่าสาระในคดีไม่น่ามีปัญหา ยังมั่นใจในข้อต่อสู้ที่มี แต่ก็ได้เตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัวเพิ่มในวงเงินเพิ่มอีก 10 ล้านบาท ประกอบกับเงินในบัญชีและโฉนดที่ดิน เชื่อว่าคำให้การมีน้ำหนักเพียงพอที่องค์คณะศาลฎีกาฯ จะใช้เป็นข้อมูลวินิจฉัยอย่างเที่ยงธรรม แต่หากกระบวนการเป็นไปในทางลบ ก็เตรียมยื่นอุทรณ์คดีตามกฎหมายใหม่ต่อ และเห็นว่าการลงมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่ถอดถอนจำเลยออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนั้นจะไม่มีผลต่อดุลยพินิจของศาลฎีกาฯ เพราะเป็นคนละฐานความผิด ส่วนคดีนี้ก็ต้องสู้กันต่อไป พร้อมเปิดเผยว่านายทักษิณ ได้แสดงความเป็นห่วงจำเลยด้วย
สำหรับพฤติการณ์แห่งคดี มาจากเมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2554 นายสุรพงษ์ ลงนามในท้ายหนังสืออธิบดีกรมการกงสุลออกพาสปอร์ตแบบประชาชนทั่วไปให้แก่นายทักษิณ หลังจากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนก่อนหน้ามีคำสั่งเพิกถอนพาสปอร์ต ตามคำร้องระบุว่าการออกพาสปอร์ตทำให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับความเสียหาย และเข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาม.157 และความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) มีมติชี้มูลความผิดเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ก่อนส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ในเวลาต่อมา ซึ่งศาลฎีกาฯ มีคำสั่งประทับรับฟ้อง ก่อนไต่สวนพยานโจทก์และจำเลยแล้วเสร็จใน 1 ปี ก่อนนัดฟังคำพิพากษาในวันนี้
..
ผสข.ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร