นายวิจารณ์ สิมาฉายา ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงรักษาการอธิบดีกรมป่าไม้ให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต หลังสำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ ได้รับหนังสือร้องเรียนว่านายธัญญา ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต
กรณีโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณบุคลากรไปเพาะชำกล้าไม้ ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการปลูกป่า กรมป่าไม้ ในปี งบประมาณ 2553 ซึ่งกรมป่าไม้ มีงบประมาณเหลือจ่ายของสำนักบริหารกลาง วงเงิน 108,375,100 บาท ซึ่งขณะนั้นมีนายธัญญา เป็น ผอ.สำนักฯ ได้ขอเงินเหลือจ่ายดังกล่าว ไปดำเนินการเพาะพันธุ์กล้าไม้ เพื่อแจกจ่ายประชาชนทั่วไป โดยที่ดำเนินการเป็นช่วงฤดูฝน ขณะที่การเพาะชำกล้าไม้ จะทำกันในช่วงฤดูแล้ง รวมทั้งการเก็บหาเมล็ดกว่า 53ล้านเมล็ดภายในระยะเวลา1 เดือน จึงไม่สามารถหาเมล็ดไม้ป่าได้ทันและเป็นไปไม่ได้ที่จะเพาะชำกล้าไม้ 53 ล้านกล้า และนำไปแจกจ่ายให้เสร็จภายในระยะเวลาแค่ 1 เดือน
เบื้องต้นรักษาการอธิบดีกรมป่าไม้ จะต้องไปตรวจสอบบัญชีกล้าไม้ ชนิด จำนวน ระยะเวลาดำเนินการเพาะชำกล้าไม้ บัญชีรายชื่อผู้ขอกล้าไม้และสถานที่ที่จะนำกล้าไม้ไปปลูก บัญชีคนงานและการเบิกจ่ายงบประมาณเพาะชำกล้าไม้ว่ามีจริงหรือไม่ เมื่อได้ข้อมูลจากกรมป่าไม้แล้ว จะเข้าหารือกับ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรฯ ว่ามีมูลตามที่กล่าวหาร้องเรียนหรือไม่ เนื่องจากผู้ที่ร้องเรียนมีชื่อและตัวตนจริง เพื่อดำเนินการตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและวินัยต่อไป
นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ไม่หนักใจการตวจสอบของปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ ไม่ซีเรียส เพราะทำทุกอย่างตรงไปตรงมา และที่สำคัญพล.อ.สุรศักดิ์ ไม่ได้ว่าอะไรตน การดำเนินการเพาะชำกล้าไม้ของสำนักส่งเสริมการปลูกป่า ขณะนั้น เป็นผู้อำนวยการไม่ได้ดำเนินการเพียงหน่วยงานเดียว
แต่ยังมีสำนักแผนงานฯ สำนักจัดการป่าชุมชน สำนักสนองงานพระราชดำริ สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ ซึ่งทุกหน่วยงานดำเนินการเหมือนกันหมด ส่วนกล้าไม้ที่นำไปปลูกซึ่งขณะนี้จะมีอายุถึง 7 ปี จะรอดหรือไม่นั้น ไม่ทราบ เพราะเป็นหน้าที่ของหน่วยงานภาคสนามที่จะดำเนินการต่อ เหมือนกับเราปลูกต้นไม้ในบ้าน ตายก็มี รอดก็มี ส่วนวันพรุ่งนี้เวลา 10.00น.นายธัญญา ได้เรียกประชุมผู้บริหารกรมอุทยานฯ ทั่วประเทศ พร้อมกำชับว่าห้ามส่งตัวแทนมาเข้าร่วมประชุม