สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) สํานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสํานักงานเลขาธิการวุฒิสภา ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างองค์กรอิสระ และรัฐสภา ในการยกระดับเจตจำนงทางการเมืองในการต่อต้านการทุจริต
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต. เปิดเผยว่า เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ และแผนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 4 ปี หวังว่าจะช่วยยกระดับการต่อต้านการทุจริตของพรรคการเมือง และจะช่วยรณรงค์ให้พรรคการเมืองต่างๆช่วยกันปราบทุจริตได้มากขึ้น
ด้านนาย วรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการปปช. ระบุว่า การทุจริตยังเป็นประเด็นสำคัญของคนไทยที่ทุกคนควรช่วยกันแก้ไข ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติให้ปปช.มีหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตและเพิ่มการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติในการป้องกันปราบปรามการทุจริตแผนที่ 3 ระหว่างปี 2560-2564 ไว้รองรับด้วย
ส่วนในการปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "การปฏิรูปประเทศด้านการเมืองไทย" โดยนาย นรนิติ เศรษฐบุตร ประธานกรรมการพัฒนาพรรคการเมืองเพื่อการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญ และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยกล่าวว่า กฎหมายฉบับต่างๆยังไม่สามารถบังคับพรรคการเมืองให้ดำเนินการตามแนวทางประชาธิปไตยได้จริง ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ บางพรรคใช้เงินทุนเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก แต่ไม่ได้ใช้กลไกประชาธิปไตย เชื่อว่าผู้ที่จะบังคับพรรคการเมืองได้มีแต่หัวหน้าพรรค แนะนำว่า พรรคการเมืองควรดำเนินกิจการในรูปแบบประชาธิปไตย คือ มีส่วนร่วม โปร่งใส และรับผิดชอบต่อสังคมได้ ที่สำคัญคือการมีส่วนร่วม เพราะถ้าพรรคการเมืองเปิดให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ความโปร่งใสและการรับผิดชอบจะตามมาเอง จึงไม่เห็นด้วยกับการตัดสิทธิ์นักการเมืองไม่ให้ดำรงตำแหน่งถึง 5 ปี หากนักการเมืองคนนั้นถูกตัดสินให้มีความผิด เพราะเพียงปีเดียวก็มากพอแล้ว เนื่องจากควรเปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วมและพรรคการเมืองเองก็ไม่ใช่สถานที่อโคจร ยังมองว่าพรรคการเมืองควรทำหน้าที่เป็นตัวกลางเชื่อมระหว่างประชาชนและรัฐบาล และเปลี่ยนเสียงเรียกร้องของประชาชนเป็นนโยบายให้ได้
....
ผสข.ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร