โฆษกทางการปาเลสไตน์แถลงว่า ความพยายามของสหรัฐฯ ในการสร้างสันติภาพในตะวันออกกลาง ล้มเหลว และทำให้ภูมิภาคไร้เสถียรภาพ เนื่องจากสหรัฐฯ และอิสราเอลไม่เคารพข้อมติของที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาหรับ ตลอดจนข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ และโดยเฉพาะข้อตกลงของประชาชนปาเลสไตน์ นอกจากนี้ ยังเห็นว่า การเดินทางเยือนอิสราเอล อียิปต์ และซาอุดีอาระเบียของนายจาเร็ด คุชเนอร์ ที่ปรึกษาทำเนียบขาว และนายเจสัน กรีนแบล็ท ทูตพิเศษตะวันออกกลางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในสัปดาห์หน้า คงไม่เกิดผล ทั้งนี้ ปาเลสไตน์ได้ระงับการติดต่อกับสหรัฐฯ และแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมากหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศยอมรับเยรูซาเล็มเป็นหลวงของอิสราเอลและย้ายสถานทูตสหรัฐฯ จากกรุงเทลอาวีฟไปนครเยรูซาเล็มเมื่อกลางเดือนที่แล้ว ทั้งที่ปาเลสไตน์วางเยรูซาเล็มตะวันออกเป็นเมืองหลวงในอนาคต โดยยืนกรานว่า อนาคตของเยรูซาเล็มจะต้องเป็นประเด็นการเจรจาระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า กองทัพอิสราเอลได้ใช้โดรนยิงใส่ชาวปาเลสไตน์ในบริเวณฉนวนกาซาขณะพยายามส่งบอลลูนบรรจุวัตถุไวไฟลอยข้ามเข้ามาในฝั่งอิสราเอล ทำให้ชาวปาเลสไตน์ได้รับบาดเจ็บ 2 คน เหตุเกิดขึ้นหลังสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติอนุมัติข้อมติเมื่อกลางสัปดาห์ประณามอิสราเอลใช้กำลังเกินกว่าเหตุต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา โดยนับตั้งแต่เกิดเหตุประท้วงบริเวณชายแดนระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์เมื่อวันที่ 30 มีนาคม มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 130 คน ในขณะที่อิสราเอลไม่มีผู้เสียชีวิต
...
(1045 F171)