ผบ.ตร.แถลงจับรองหัวหน้าแก็งค์คอลเซนเตอร์ชาวไต้หวัน หลอกคนได้เงินกว่า100ลบ.

หลังชุดสืบสวนของศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็คทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่เมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม สามารถจับกุมผู้ต้องหาชาวไทยได้ 22 รายและชาวไต้หวัน 1 ราย

ล่าสุดวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาชาวไต้หวันรายสำคัญได้ขณะเดินทางเข้าประเทศไทย เพื่อต่อเครื่องกลับไปยังไต้หวัน พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า  ตำรวจสามารถควบคุมตัวนายโค ชาง คุน หรือนายเคลวิ่น ชาวไต้หวัน ผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดพระโขนง โดยนายโค ชาง คุน ถือเป็นผู้ต้องรายสำคัญระดับรองหัวหน้า เป็นผู้สั่งการในกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์เครือข่ายฉีเคอทั้งหมด ที่ผ่านมานายโค ชาง คุน ทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์มา 6 ปี 7 ประเทศ ได้เงินจากผู้เสียหายกว่า 100 ล้านบาท และในวันนี้จะมีการส่งมอบเงินที่อายัดให้ผู้เสียหายที่เป็นคนไทยอีก 8 ราย

ด้านพลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า  เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า นายโค ชาง คุน จะเดินทางโดยเที่ยวบิน TG 518 ผ่านเข้ามายังราชอาณาจักรไทย เพื่อเปลี่ยนเครื่องที่จะเดินทางต่อไปยังไต้หวัน เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจับกุมตัวนายโค ชาง คุน และแจ้งข้อหากระทำความผิดฐาน “มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, กระทำการเป็นอั้งยี่และซ่องโจร, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” โดยมีพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินคดีกับผู้ต้องหา

พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ ระบุอีกว่า นายโค ชาง คุณ ถือเป็นผู้ต้องหาตามหมายแดงที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้ประสานไปยังอินเตอร์โพล แม้ว่าประเทศไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่ก็ได้รับความร่วมมือกับประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังเหลือผู้ต้องหาในคดีคอลเซ็นเตอร์อีก 148 หมายจับ จาก 526 หมายจับ