รองผบ.ตร.มั่นใจชิ้นเนื้อซากสัตว์หลักฐานเอาผิดเปรมชัย ไม่ท้อแท้ ไม่เอาศรีวราห์

06 มีนาคม 2561, 20:36น.

หลังการตรวจหลักฐานจากเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.)ให้ดำเนินคดีกับนางคณิตตา กรรณสูต ภรรยาของนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นต์ จำกัด (มหาชน) พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ผลการพิสูจน์งาช้างดังกล่าว จากกรมอุทยานฯพบว่า เป็นงาช้างป่าแอฟริกา แต่ในใบอนุญาตแจ้งว่าเป็นงาช้างพาหนะ ซึ่งไม่ตรงกัน กรมอุทยานจึงเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนางคณิตตา ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 มาตรา19 ในความผิดมีซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 4 ปีปรับ 40000 บาเนื่องจากนางคณิตตา เป็นผู้ยื่นแจ้งการครอบครองงาช้างต่อกรมอุทยานฯ
สำหรับผลการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ เกี่ยวกับซากสัตว์และเครื่องครัวที่พบในบริเวณจุดเกิดเหตุ พบว่า ชิ้นเนื้อที่พบในหม้อซุป ซึ่งมีกระดูกต้นขา 2 ชิ้น ลำไส้ และเส้นขนเป็นของเสือดำจริง และเป็นเสือดำเพศเมีย ซึ่งอวัยวะดังกล่าวเป็นของเสือดำที่พบเป็นซากอยู่ภายในบริเวณแคมป์ , ชิ้นส่วนที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นเก้ง แต่ผลการตรวจสอบพบว่าเป็นหมูป่า ซึ่งตามกฎหมายของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชระบุว่า ซากสัตว์ป่าที่พบภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ถือว่าเป็นสัตว์ป่าที่อยู่ภายในเขตอนุรักษ์ ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายอย่างชัดเจน ไม่มีสิทธิ์โต้แย้งได้ , ชิ้นเนื้อที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นไก่ฟ้าหลังเทา จากผลการตรวจสอบพบว่าเป็นไก่ฟ้าหลังขาว ถือว่าเป็นสัตว์ป่าสงวนและสัตว์ป่าคุ้มครองและห้ามล่าห้ามค้าห้ามนำออกหรือส่งออกด้วยเช่นเดียวกัน, ส่วนอุจจาระที่เก็บตัวอย่างได้ พบว่าเป็นอุจจาระของมนุษย์ แต่ไม่พบดีเอ็นเอของเสือดำ ,ส่วนวัตถุพยานที่พบ เช่น มีดอีโต้ มีดทำครัว มีดเหน็บ และเขียงพลาสติก ผลการตรวจพบว่า มีดีเอ็นเอของเสือดำตัวดังกล่าว ทั้งนี้จากผลที่ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ที่ได้รับมาในวันนี้เชื่อว่าใช้ดำเนินคดีกับนายเปรมชัยและพวกได้อย่างแน่นอน เพราะมีพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เรื่องชิ้นเนื้อที่ได้รับผลล่าสุดประกอบกับผลการตรวจเขม่าดินปืน ปลอกกระสุน หัวกระสุน ยิ่งทำให้การดำเนินคดีกับนายเปรมชัยและพวกมีความชัดเจนมากขึ้น
ส่วนที่โซเชียลมีเดียมีการตั้งแฮชแท็ก ว่า “เราไม่เอาศรีวราห์” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ทราบเรื่องแล้ว และไม่ได้มีปัญหาอะไร ซึ่งตนเองทำงานไปตามอำนาจหน้าที่ที่มีไม่รู้สึกท้อแต่อย่างใด เพราะทำงานกินเดือนจากภาษีประชาชน ทำตามกฎหมาย ส่วนโลกโซเชียลมีเดียจะมีความเห็นอย่างไร ถ้ารับมาปฏิบัติให้เข้ากับกฎหมายได้ก็จะปฏิบัติให้ แต่หากไม่เข้ากับข้อกฎหมายก็ไม่สามารถบังคบให้ทำได้ เพราะสำนวนการสอบสวนไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่เป็นอำนาจของอัยการที่จะสั่งฟ้องและพิจารณาความผิด ยืนยันว่าหลักฐานมีความชัดเจนสามารถดำเนินคดีกับนายเปรมชัยและพวกได้แน่นอน โดยนายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีก็กำชับให้ทำคดีด้วยความตรงไปตรงมา แม้จะมีกระแสจากโซเชียลมีเดีย ก็ไม่ท้อและจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
ข่าวทั้งหมด

X