บีบีซีรายงานว่า นายแอนดรูว์ กิลมัวร์ ผู้ช่วยเลขานุการข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็น) เปิดเผยว่า จากการพูดคุยกับชาวโรฮิงญาในศูนย์อพยพแห่งหนึ่งในเมียนมาทำให้ทราบว่า รัฐบาลเมียนมายังไม่ยุติการกำจัดชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮิงญาในรัฐยะไข่ให้หมดไปจากประเทศ แต่รูปแบบการก่อเหตุรุนแรงเปลี่ยนไปจากการฆ่าหรือข่มขืนสตรีชาวโรฮิงญาเมื่อปีที่แล้วมาเป็นลักษณะการข่มขู่พวกเขาให้รู้สึกหวาดกลัวและปล่อยให้อดอาหารตาย<dd>ชาวโรฮิงญาราว 7 แสนคนหลบหนีออกจากรัฐยะไข่เข้าไปยังบังกลาเทศ เพื่อนบ้าน นับตั้งแต่กองทัพเมียนมาปราบปรามกลุ่มติดอาวุธชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่เมื่อปลายเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
ก่อนหน้านี้ ชาวโรฮิงญาร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ยูเอ็นว่ากองทัพเมียนมาและกลุ่มชาวพุทธที่ไม่อยากให้ชาวโรฮิงญาเข้าไปปักหลักตั้งถิ่นฐานในรัฐยะไข่ใช้วิธีขจัดชาวโรฮิงญาให้หมดไปจากประเทศด้วยการฆ่า ข่มขื่นสตรีและจุดไฟเผาบ้านเรือนของชาวโรฮิงญา
ขณะเดียวกันรัฐบาลบังกลาเทศและเมียนมาอยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องการส่งตัวผู้อพยพชาวโรฮิงญากลับยังประเทศเมียนมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่การที่กองทัพเมียนมาสั่งตรึงกำลังทหารตามแนวชายแดนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทำให้หลายฝ่ายแสดงความเป็นกังวลว่าชาวโรฮิงญาที่จะเดินทางกลับยังประเทศเมียนมาจะได้รับความปลอดภัยหรือไม่/18.13น.