กรณี 53 ประเทศทั่วโลกประกาศให้ระงับการใช้สารเคมี 3 ชนิดอย่างถาวรคือ พาราควอต ไกลโฟเสต และคลอร์ไพริฟอส เนื่องจากเป็นสารพิษอันตรายในพืชผัก ผลไม้ แต่พบว่าเกษตรกรไทยยังมีการใช้สารทั้ง 3 ชนิดในอัตราสูง
นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ ประธานคณะอนุกรรมาธิการบูรณาการและขับเคลื่อนสถานประกอบการเพื่อสุขภาพและการแพทย์แผนไทย เปิดเผยว่า มีผลการวิจัยร่วมกับนักวิชาการและอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ยืนยันว่ามีการปนเปื้อนสาร 3 ชนิดในอัตราที่สูงเกินกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนด โดยเฉพาะมะละกอ และฝรั่ง ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพของผู้รับประทานทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ระยะสั้นคือระยะพิษเฉียบพลัน ส่งผลให้ผู้ที่แพ้เสียชีวิตได้ทันที ส่วนระยะยาวใช้เวลาหลายปีส่งผลก่อให้เกิดมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งลำไส้ รวมทั้งทำให้สมองฝ่อและเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์ในที่สุด ทางคณะอนุกรรมาธิการฯ จึงหารือร่วมกับรัฐมนตรี 5 กระทรวง และได้ข้อสรุปร่วมกันว่าควรระงับการนำเข้าสาร 3 ชนิดนี้ภายในกลางปี 2561 และระงับการใช้สารเคมีทั้งหมดภายในปลายปี 2562
ปัจจุบันมีการนำเข้าสารพิษอันตรายอย่างพาราควอตมากกว่า 30,000 ตัน และมีแนวโน้มนำเข้าสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยอาจมากถึง 1 แสนตัน ซึ่งร้อยละ 90 เป็นการนำเข้าจากจีน ประเทศที่ส่งออก แต่มีคำสั่งห้ามนำสารเคมี 3 ชนิดนี้มาใช้ในประเทศ จึงได้ทำหนังสือเสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้มีคำสั่งระงับการใช้ตามที่เสนอมา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของนายกรัฐมนตรี และเกษตรกรก็สามารถเปลี่ยนไปใช้เกษตรอินทรีย์และสารเคมีตัวอื่นที่ให้โทษน้อยกว่าในการปลูกพืชได้ พร้อมฝากเตือนผู้รับประทานผัก ผลไม้ ควรล้างให้สะอาดก่อนนำมาปรุงหรือรับประทานอาหารทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตัวเองด้วย
...
ผสข.ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร