การลงพื้นที่พบประชาชนและติดตามงานนโยบายของรัฐบาล ที่จังหวัดนครปฐม ตามโครงการไทยนิยมยั่งยืน ในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางมาที่สหกรณ์โคนมกำแพงแสน จำกัด ตำบลทุ่งลูกนก อำเภอกำแพงแสน เมื่อนายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางมาถึงได้พบกับนักเรียนที่มารอต้อนรับ พร้อมกล่าวว่าเป้าหมายของรัฐบาลนี้ คือ การดูแลเด็กและเยาวชน เพราะเด็กคืออนาคตของชาติ จึงต้องทำให้เด็กโตมาอย่างมีคุณภาพ ก่อนจะถามเด็กนักเรียนว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ซึ่งก็ได้คำตอบทั้งอยากเป็นครู เป็นหมอ ช่าง และทหาร นายกรัฐมนตรี กล่าวกับเด็กๆ ว่า ถ้าเป็นทหารต้องแข็งแรง อดทน เข้มแข็ง เพราะเป็นทหารไม่รวย และต้องพร้อมเสียสละเพื่อประเทศชาติ
จากนั้นได้ทักทายประชาชนและเกษตรกรโคนม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน โดยกล่าวว่า กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้นำท้องถิ่นเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประชาธิปไตย และทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นอย่าทำแบบเดิม พร้อมขออย่าไปเชื่อใครที่พูดเลอะเทอะ ทำประเทศเสียหาย และยืนยันว่าตัวเองไม่ได้ทำเพื่อใครแต่ทำเพื่อทุกคน พร้อมขอความร่วมมือผู้นำท้องถิ่น ขณะที่ผู้นำท้องถิ่น ตอบกลับว่าจะร่วมมือ นายกรัฐมนตรี จึงกล่าวว่า แบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้ ไม่ได้มางานการเมือง แต่มางานการบ้าน งานที่ประชาชนมอบให้ก็ต้องทำงานมอบให้ประชาชน ด้วย วันนี้ขออย่าให้ใครมาว่าตัวเองเข้ามาไม่ถูก เพราะถ้าประเทศไม่มีปัญหาคงไม่เข้ามา ฉะนั้น การแก้ปัญหาในอนาคตจึงสำคัญ ส่วนการเลือกตั้งเป็นไปตามกฎหมาย ก่อนจะย้ำว่า วันนี้มาพูดเรื่องไทยนิยม เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน ขณะที่ยืนยันว่า จะสนับสนุนงบประมาณทำการเกษตรที่ต้องเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับตลาด และคำนึงถึงความสมดุล
ส่วนงบประมาณ 50 ล้านบาทที่ประชาชนเรียกร้องให้นำมาต่อเติมโรงนมพาสเจอร์ไรส์ จากเดิมที่ได้ขออนุมัติงบประมาณไป 120 ล้านบาท แต่ได้งบประมาณเพียง 70 ล้านบาท นายกรัฐมนตรี รับปากจะพิจารณางบประมาณที่เหลือให้ พร้อมกล่าวว่า วันนี้ทั้งร้อนทั้งเสียเงิน แต่ไม่ใช่เงินของตัวเองเป็นเงินของรัฐบาลที่จะต้องนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ตามขั้นตอน
ทั้งนี้ ระหว่างกล่าวกับประชาชน นายกรัฐมนตรีได้หยิบน้ำขึ้นมาดื่ม เพราะไอ และเสียงหมด ก่อนจะพูดติดตลกว่า แก่แล้ว จะอยู่ได้อีกกี่ปีก็ไม่รู้ แต่ใจยังสู้อยู่ พร้อมกล่าวว่า ท่านรักผม ผมก็รักท่าน เพราะคนไทยต้องรักคนไทย และกล่าวว่า โครงการต่างๆ หากเกิดการทุจริต ต้องไปตรวจสอบว่าใครเป็นคนทำ และตรวจสอบในทุกระดับ ไม่ใช่โยนมาที่นายกรัฐมนตรีคนเดียว แต่หากมีการตรวจสอบแล้วพบว่าตัวเองผิด ก็ยืนยันว่ารับผิดชอบทุกเรื่องในฐานะเป็นผู้นำรัฐบาล ไม่ใช่ผิดแล้วหนีไปเลย
นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงการชุมนุมว่า ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แต่ไม่ใช่ทำอะไรก็ได้ หรือเคลื่อนไหวโดยกระทบสิทธิเสรีภาพคนอื่น ส่วนเรื่องกรณีการทุบรถ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าสิ่งที่สำคัญคือจิตสำนึกและทุกคนต้องทำตามกฎหมาย พร้อมระบุด้วยว่าเมื่อวานนี้เจอข่าวอีกเรื่อง อีกาจิกนกพิราบ คนก็เอาไปโยงว่าเป็นลางร้ายต่อรัฐบาล แต่ตัวเองมองว่า เจอลางร้ายตั้งแต่เข้ามาแล้ว
ก่อนเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรี ได้เดินไปพูดคุยกับประชาชนที่มาร่วมรับฟัง พร้อมกล่าวย้ำว่า ไม่ได้หวังให้ใครมารัก แต่ทุกคนต้องรักประเทศชาติของตัวเอง และยืนยันว่ารัฐบาลนี้มีความจริงใจ พร้อมขอให้ทุกคนเตือนลูกหลานว่าอย่าไปร่วมเดินกับกลุ่ม We walk และขอให้ร่วมสัญญาว่าบ้านเมืองต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่กลับไปเป็นแบบเดิมอีก ก่อนจะกล่าวชมคนกำแพงแสนว่า คนกำแพงแสนแสนน่ารัก และตัวเองก็รักทุกคน
ผู้สื่อข่าว : ปิยะธิดา เพชรดี