หลังการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย เพื่อพิจารณาแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. นายสมชาย แสวงการ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการร่วมฯ เปิดเผยว่า วันนี้คณะกรรมาธิการร่วมฯได้พิจารณาประเด็นค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองขนาดใหญ่และขนาดเล็กระหว่างหาเสียง โดยมีการปรับแก้ถ้อยคำเพื่อให้เกิดความชัดเจน ความเท่าเทียม และไม่เกิดความได้เปรียบ เสียเปรียบ เพราะพรรคที่เงินน้อยจะเสียเปรียบพรรคที่มีเงินมาก โดยให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีอำนาจเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์เรื่องงบประมาณพรรคการเมืองแต่ละพรรค เช่น ส.ส.เขตหนึ่ง ควรจะต้องใช้งบประมาณเท่าไหร่ เพราะสัดส่วนของส.ส.แต่ละพรรคก็มีจำนวนไม่เท่ากัน และเป็นการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว และยังไม่ได้ข้อสรุปเรื่องเวลาการเปิดให้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งว่าจะเปิดกี่โมงถึงกี่โมง โดยประเด็นนี้มีเพียงคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) เท่านั้นที่เห็นแย้งกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่ให้เปิดหีบตั้งแต่เวลา 07.00-17.00น. มองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่และคงจะตกลงกันได้ อาจมีการปรับเพิ่มหรือลดเวลาลง 30 นาที โดยจะพูดคุยเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้งในการประชุมวันพรุ่งนี้
ส่วนประเด็นมาตรา 35 ที่มีการบัญญัติให้ตัดสิทธิผู้ไม่ไปเลือกตั้งไม่ให้ดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการการเมือง ข้าราชการรัฐสภา และดำรงตำแหน่งต่างๆในองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ประชุมได้คุยกันว่าเหมาะสมหรือไม่ และให้กลับไปทบทวนรายละเอียดอีกรอบ รวมถึงพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะให้ไปใช้กับการเลือกตั้งครั้งหน้าแทนหรือไม่ ทั้งนี้ ข้าราชการทางการเมืองได้รับการแต่งตั้งโดยนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรี ซึ่งจะต้องสรรหาบุคคลที่มีความรับผิดชอบในการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าว: ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร