หลังการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย เพื่อพิจารณาแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ ร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า การประชุมนัดแรกวันนี้พิจารณาลงรายละเอียดไปแล้ว 2 มาตรา คือ ม.75 ที่ว่าด้วยการอนุญาตให้มีมหรสพและงานรื่นเริงได้ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง คณะกรรมาธิการร่วมมีมติแก้ให้กลับไปใช้ร่างเดิมที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) เสนอ คือ ห้ามมิให้มีการจัดมหรสพและงานรื่นเริง โดยสนช.มีท่าทียอมแก้ตามเหตุผลที่กรธ.และกกต.อธิบายว่า เป็นเพราะไม่ตรงตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ และการให้มีมหรสพส่งผลเสียหลายอย่าง เช่น ความไม่เท่าเทียมระหว่างพรรคการเมืองขนาดใหญ่กับพรรคการเมืองขนาดเล็ก และเหตุผลด้านการเงิน เป็นต้น ทั้งนี้นายภัทระ คำพิทักษ์ ในฐานะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เสียง เห็นชอบให้งดจัดมหรสพ
ส่วนอีกประเด็นที่มีการพิจารณาคือ ม.35 ที่ว่าด้วยการตัดสิทธิผู้ที่ไม่ไปเลือกตั้งไม่ให้มีสิทธิเป็นข้าราชการการเมือง และห้ามดำรงตำแหน่งในองค์กรส่วนท้องถิ่น รวมถึงตำแหน่งกำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งที่ประชุมได้ให้ไปปรับแก้รายละเอียดอีกรอบเพื่อมิให้มีโอกาสขัดกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 ว่าด้วยเรื่องสิทธิและเสรีภาพ แล้วนำกลับมาคุยกันภายหลัง แต่เบื้องต้นเห็นด้วยที่จะมีการตัดสิทธิ แต่ไม่เห็นด้วยกับการตัดสิทธิไม่ให้เป็นข้าราชการการเมือง
นายศุภชัย ยืนยันว่า การหารือของคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย เป็นไปด้วยดี ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีแบ่งฝ่าย และการหารือก็ว่าไปตามเหตุผลที่อธิบายได้
ส่วนร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา หรือ ร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ที่มีโอกาสจะถูกคว่ำจากสนช.หลังร่างจะต้องถูกส่งไปให้สนช.ลงมติหลังจากคณะกรรมาธิการร่วมพิจารณาเสร็จแล้ว ชี้แจงว่ากกต.ก็โต้แย้งไปตามเหตุผลว่าร่างดังกล่าวเสี่ยงขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้กกต.ไม่มีความกังวล และยืนยันว่าจะทำหน้าที่ทุกอย่างให้ดีที่สุด รวมทั้งการเตรียมส่งไม้ให้กกต.ชุดใหม่ สานงานต่อ
ส่วนการประชุมของคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย เพื่อพิจารณาแก้ไขร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา หรือ ร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ล่าสุดเริ่มประชุมไปเมื่อเวลา 15.45 น. เบื้องต้นคณะกรรมาธิการร่วมมีมติให้นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ เป็นประธานคณะกรรมาธิการร่วม ส่วนพล.อ.อู้ด เบื้องบน เป็นรองประธาน และนายศุภชัย ประธานกกต. เป็นที่ปรึกษาร่วมกับนายอภิชาติ สุขัคคานนท์ กำหนดประชุม 3 ครั้ง คือ วันนี้ วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ และวันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ ก่อนจะนัดลงมติสรุปรวมร่างพ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. ทั้งหมดอีกครั้งในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ จากนั้นจะส่งร่างไปให้กับสนช.ลงมติ ทำให้สรุปแล้วร่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับที่มีผลต่อการจัดการเลือกตั้งจะกลับเข้าสู่สนช.ในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ ซึ่งเร็วกว่ากรอบที่กฎหมายกำหนดไว้ว่าจะต้องพิจารณาไม่เกิน 15 วันหรือต้องพิจารณาเสร็จไม่เกินต้นเดือนมีนาคม
ผู้สื่อข่าว:ธีรวัฒน์ สิทธิเกรียงไกร