พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ นำกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ , เจ้าหน้าที่ทหาร , เจ้าหน้าที่กรมการปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำหมายค้นและหมายจับของศาลอาญา เข้าตรวจค้นสถานอาบอบนวด "วิคตอเรียซีเครท"ถนนพระราม 9 ซอย 13 (ซอยศูนย์วิจัย 4) เพื่อจับกุมนายกบ (ไม่ทราบนามสกุล) ผู้ต้องหาตามหมายจับ พร้อมหาพยานหลักฐานประกอบการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาและผู้เกี่ยวข้อง
สำหรับคดีนี้ เนื่องจากการร้องขอของมูลนิธิพิทักษ์สตรี ให้เข้าช่วยเหลือเหยื่อซึ่งเป็นเด็กหญิงชาวเมียนมา ดีเอสไอจึงดำเนินการสอบสวนและรับเป็นคดีพิเศษที่ 43/2560 โดยพฤติการณ์ทางคดี เป็นการกระทำความผิดในลักษณะที่มีความเกี่ยวข้องกันระหว่างประเทศไทย เมียนมา และมาเลเซีย มีการนำพาเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้ามาค้าประเวณีในประเทศไทย เริ่มจากการนำพาเข้ามาขายบริการในการให้เปิดบริสุทธิ์ ก่อนที่จะนำมาค้าประเวณี ณ สถานอาบอบนวด วิคตอเรียซีเครท ซึ่งเข้าลักษณะความผิดฐานค้ามนุษย์ อันเป็นความผิดที่กระทำลงนอกราชอาณาจักรไทย ซึ่งอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ พร้อมแต่งตั้งพนักงานอัยการร่วมสอบสวนกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ เปิดเผยว่าคุมตัวพนักงานสตรีได้ทั้งหมด 113 คน อยู่ในเกณฑ์ผู้ต้องสงสัยประมาณ 10คน และผู้ต้องหาอีก 5คน คือ นายกบ ที่มีการแจ้งข้อหาตาม พรบ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ส่วนอีก 4คน แจ้งข้อหาเป็นธุระจัดหา การค้าประเวณี ตาม พรบ. ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ โดยทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษด้วยรถบัส 1คัน และรถตู้อีก 1คัน เพื่อนำตัวไปสอบสวน และดำเนินการคัดแยกอีกครั้ง สำหรับในจำนวน 113 คนนั้น ประมาณ 90% คือต่างด้าว ที่มีสัญชาติไทยใหญ่ หรือเมียร์ม่า กัมพูชา ลาว และไทย เบื้องต้นจากการตรวจสอบนั้นพบว่ามีการให้บริการด้านประเวณีจริง
สำหรับผู้ต้องสงสัยที่มีอายุต่ำกว่า 18ปี คาดว่ามีไม่ถึง 10คน แต่ทั้งนี้ยังต้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อยืนยัน ส่วนด้านในพบว่ามีห้องทางการแพทย์ ที่ไว้สำหรับตรวจภายใน โดยมีข้อมูลรายชื่อของพนักงานที่ตรวจภายใน แต่ไม่พบหลักฐานในเชิงทำแท้ง และไม่พบแพทย์ขณะเข้าทำการตรวจครั้งนี้
เบื้องต้นยังไม่พบข้อมูลเรื่องส่วย แต่มีพบบัญชีรายชื่อหน่วยงานข้าราชการจำนวนมา ที่เข้ามาใช้บริการ ผ่านการรับรอง ถูกจัดเก็บไว้ในลังจำนวนหนึ่ง ซึ่งหลังจากนี้ต้องสอบสวนเพิ่มเติมอย่างละเอียดว่าเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปในขั้นตอนของการสัมภาษณ์คัดแยกเหยื่อซึ่งเป็นผู้เสียหาย และการสอบสวนผู้เสียหายซึ่งดำเนินการโดยสหวิชาชีพ ได้ให้รายละเอียดและข้อเท็จจริงว่า ได้ถูกนำมาค้าประเวณีที่สถานที่แห่งนี้ตั้งแต่อายุ 12 ปี ตลอดจนการสืบสวนสอบสวนมีข้อมูลชัดเจนถึงกลุ่มผู้กระทำผิด อันนำไปสู่การขออนุมัติศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหารวม 7 ราย โดยหนึ่งในผู้ต้องหา ปัจจุบันทำงานอยู่ในสถานบริการแห่งนี้ และมีพฤติการณ์ในลักษณะของการเชียร์แขก และสถานบริการแห่งนี้จากการสืบสวนมาก่อนพบว่า มีการลักลอบค้าประเวณี ในการเข้าจับกุมจึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเข้าตรวจค้นและจับกุมในความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 และพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539
โดยก่อนเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่ได้ส่งสายลับทำการล่อซื้อพนักงานบริการหญิง 3 คน จึงพามาค้นหาเงินของกลาง ซึ่งจากการตรวจสอบที่เคาน์เตอร์พบเลขที่บนธนบัตร ซึ่งเป็นเงินของกลางตรงกับที่สำเนาไว้ทั้งหมด ล่าสุด เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาผู้ต้องหา5คน ตามหมายจับ พร้อมตรวจยึดตู้เซฟ3ตู้แต่ยังเปิดไม่ได้ ต้องนำไปให้ช่างตรวจสอบอีกครั้ง ส่วนพนักงาน 113คน ได้นำตัวไปตรวจคัดแยกตาม อายุ สัญชาติ อื่นๆ คาดว่าพรุ่งนี้จะมีข้อสรุปเพิ่มเติม
CR:พลภัทร วรรณดี/วริศรา ชาญบัณฑิตนันท์ ผสข.