สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ นายกฤษฎา บุญราช รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้ให้ กรมชลประทาน ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ เร่งระดมเครื่องสูบน้ำ จากภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลงไปในทุกพื้นที่ เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยยังมีปัญหาอุทกภัยและฝนยังตกชุก เช่น จ.สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี
นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่าได้เตรียมเครื่องสูบน้ำสูบน้ำ 380 เครื่องและเครื่องผลักดันน้ำ 180 เครื่องช่วยประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคใต้เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ตัวเมือง
สำหรับจ.นครศรีธรรมราช ที่ยังมีสถานการณ์น้ำท่วมจากน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาหลวง รวมทั้งขณะนี้ฝนยังตกต่อเนื่องซึ่งวัดปริมาณฝน ที่ ปากพนัง174 มม. และตกหนักใน 7 อำเภอ เช่นหัวไทร ฉวาง ชิชล ท่าศาลา เชียรใหญ่ พระพรหม ทุ่งสง ส่งผลกระทบท่วมตัวเมืองนครศรีธรรมราช และปริมาณน้ำล้นตลิ่งลุ่มน้ำเขตเทศบาล ได้เดินเครื่องสูบน้ำ 46 เครื่อง พร้อมผลักดันน้ำออกทะเล ถ้าฝนไม่ตก คาดว่า 3-5วันจะเข้าสู่ภาวะปกติ
จ.สงขลา ได้ขึ้นธงเหลืองเตือนภัยระดับน้ำ 8.20 ม. เฝ้าระวังในคลองอู่ตะเภา และคลองภูมินารถดำริ หรือคลอง ร.1 โดยขณะนี้มีสถานการณ์น้ำท่วม 10 อำเภอ เช่น สบ้าย้อย นาทวี จนะ เทพา รัตนภูมิ ควรเนียง ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ สิงหนคร โดยภาพรวมแนวโน้นปริมาณน้ำสูงขึ้น จากฝนยังตกต่อเนื่อง ในระดับ130 มม.โดยลงไปติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 56 เครื่อง ผลัดดันน้ำ 16 เครื่องส่วนอ.หาดใหญ่ ยังไม่เกิดปัญหาน้ำท่วม เพราะมีการระบายน้ำได้ดีขึ้นผ่านคลองร.1 จากเดิมระบาย 465 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยกำลังขยายคลองให้ได้ 1.2 ลบ.ม.ต่อวินาที ระหว่างนี้ได้ขุดทำนบทำให้น้ำไหลจากคลองอู่ตะเภา ได้ถึง 815ลบ.ม. ต่อวินาที ซึ่งยังไม่อยู่ในช่วงน้ำทะเลหนุน ทำให้การระบายได้คล่องตัว
ส่วนพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างปัตตานี ยะลา นราธิวาส รับปริมาณฝนตกในพื้นที่คาบสมุทรสทิงพระ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. ทำให้มีน้ำท่วมจ.พัทลุง อ.เมือง อ.ศรีนครินทร์ อ.ศรีบรรพต อ.ควรขนุน แนวโน้มน้ำเพิ่มสูงขึ้นเพราะยังมีฝนตก รวมทั้งจ.ปัตตานี นราธิวาส ตรัง คาดว่าน้ำจะลดประมาณ 5 วันข้างหน้า