ที่ปรึกษาปธน.สหรัฐฯ สารภาพให้การเท็จกรณีพบชาวรัสเซีย2คน

นายจอร์จ ปาปาโดโปลอซ อดีตที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศในทีมรณรงค์หาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เข้ามอบตัวต่อสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐฯ หรือ เอฟบีไอ และยอมรับว่า ให้การเท็จต่อเจ้าหน้าที่ในการสอบสวนความเกี่ยวข้องกับรัสเซีย โดยยอมรับว่าหลังจากที่เข้ามาเป็นคณะทำงานของนายทรัมป์ เขาเคยหารือกับบุคคลที่อ้างว่าเป็นทนายความชาวรัสเซียที่อ้างว่ามีข้อมูลลับที่จะช่วยให้นายทรัมป์ในเวลานั้นเอาชนะนางฮิลลารี คลินตันจากพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปลายปีที่แล้ว ซึ่งถือได้ว่าเป็นการดำเนินคดีผู้ต้องสงสัยคนแรกในคดีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ และเป็นการดำเนินคดีที่ถูกแยกออกมาจากคดีของนายพอล มานาฟอร์ด อดีตผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของนายทรัมป์ กับนายริก เกตส์ อดีตหุ้นส่วนของนายมานาฟอร์ดและทีมรณรงค์หาเสียงของนายทรัมป์ ซึ่งแม้ว่าในเบื้องต้นจะอยู่ในกลุ่มผู้ที่ถูกตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีรัสเซียเหมือนกัน แต่ในคำส่งฟ้องทั้งคู่ถูกระบุว่ามีความผิด 12 ข้อหาเกี่ยวกับการต่อต้านสหรัฐฯ และฟอกเงินเพื่อปกปิดข้อมูลซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ซึ่งทั้ง 2 คนปฏิเสธข้อกล่าวหาในชั้นศาล

อย่างไรก็ตามโฆษกทำเนียบขาว มีความเห็นว่า การสอบสวนของคณะทำงานที่นำโดยนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการพิเศษ ไม่มีผลใดๆ ต่อการทำหน้าที่ของประธานาธิบดี เพราะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2559 ก่อนที่นายทรัมป์ในเวลานั้นจะลงสมัครรับเลือกตั้งนานหลายเดือน นอกจากนี้ นายปาปาโดโปลอซ ยังมีบทบาทที่จำกัดในระหว่างที่นายทรัมป์หาเสียงโดยอยู่ในฐานะอาสาสมัคร และมีการทำงานที่ไม่เป็นทางการ

โดยในการที่เอฟบีไอสอบปากคำนายปาปาโดโปลอซเมื่อเดือนมกราคมของปีนี้ เขากล่าวว่าเคยพบกับชาวรัสเซีย 2 คนก่อนที่จะเข้ามาทำงานในเดือนมีนาคม แต่ในความจริงเขาพบชาวรัสเซียหลังจากที่เข้ามาทำงานแล้ว โดย 1 ใน 2 คนเป็นสตรีที่เขาเชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของทางการรัสเซีย ส่วนอีกคนเป็นนักวิชาการจากสถาบันการศึกษาในลอนดอน ที่มีความเกี่ยวข้องกับทางการรัสเซีย

...