พรรคการเมืองขวาจัดเยอรมนี ประกาศจะต่อสู้ไม่ให้ชาวต่างชาติเข้าไปยึดครองประเทศ

หลังการเลือกตั้งทั่วไปในเยอรมนีเมื่อวันอาทิตย์ นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เกิ้ลจากพรรคซีดียู-ซีเอสยู พรรคอนุรักษ์นิยมชนะการเลือกตั้งต่อเป็นสมัยที่ 4 ด้วยคะแนนร้อยละ 33 (หรือได้จำนวนส.ส.246 ที่นั่งจากจำนวนที่นั่งส.ส.ทั้งหมดในรัฐสภาของเยอรมนี 709 ที่นั่ง)นับว่าเป็นผลงานที่แย่ที่สุดของพรรคในรอบ 70 ปี รองลงมาคือพรรคเอสพียู ร้อยละ 20.5(ส.ส.153ที่นั่ง) ขณะที่พรรคเอเอฟดี พรรคการเมืองขวาจัดซึ่งมีนโยบายต่อต้านผู้อพยพ ก้าวขึ้นมาครองอันดับ 3 ร้อยละ 12.6 (ส.ส.94 ที่นั่ง)

บีบีซี รายงานว่านายอเล็กซานเดอร์ เกาแลนด์ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคเอเอฟดี แถลงที่สำนักงานใหญ่ของพรรคในกรุงเบอร์ลินในวันนี้ว่า พรรคของเขาจะต่อสู้เพื่อไม่ให้ชาวต่างชาติเข้าไปยึดครองประเทศ

ในปัจจุบันชาวต่างชาติ ราวหนึ่งล้านคนที่อพยพเข้าไปยังเยอรมนีเมื่อปี 2558 กำลังยึดครองอาณาเขตของเยอรมนีไปทีละนิดๆ แต่พรรคเอเอฟดีไม่ต้องการจะปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินไปในแนวทางเช่นนี้ต่อไป เขาแถลงเรื่องนี้ หลังผู้สมัครของพรรคสามารถชนะการเลือกตั้งส.ส.จำนวน 94 ที่นั่งและเป็นครั้งแรกที่พรรคการเมืองขวาจัดสามารถเข้าไปทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติได้สำเร็จในประวัติศาสตร์การเมืองเยอรมนี

พรรคเอเอฟดี ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนบางส่วนที่เริ่มรู้สึกไม่พอใจนโยบายของนางแมร์เกิ้ล หลังการเปิดชายแดนต้อนรับกลุ่มผู้อพยพเข้าสู่เยอรมนีจำนวนมากเมื่อ 2 ปีก่อน

ส่วนใหญ่มาจากตะวันออกกลาง แต่ระหว่างการแถลงครั้งนี้ มีสัญญาณบ่งชี้ถึงปัญหาความแตกแยกขึ้นภายในพรรคหลังนางเฟราเคอ พีทรี ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคได้เดินลงจากเวทีแถลงข่าวเนื่องจากไม่พอใจที่นายเกาแลนด์แถลงโจมตีนางแมร์เคิลด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ระบุว่าการประท้วงของเธอเพื่อแสดงให้สาธารณชนทราบข้อเท็จจริงว่ามีปัญหาแตกแยกในหลายๆเรื่องในพรรคและเธอจะเข้าไปทำหน้าที่ในรัฐสภาในฐานะส.ส.ที่ไม่สังกัดพรรคและจะทำงานเรื่อยไปโดยเธอจะย้ายไปสังกัดพรรคฯอื่นในการเลือกตั้งครั้งต่อไปในปี 2564

ทีมต่างประเทศ

CR:idubainews.com