เกาหลีเหนืออ้างความสำเร็จในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจน/สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้เตรียมเสนอเพิ่มมาตรการลงโทษ

เกาหลีเหนือประกาศตัวเป็นมหาอำนาจเทอร์โมนิวเคลียร์ หลังความสำเร็จในการทดสอบนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 โดยสถานีโทรทัศน์ของทางการเกาหลีเหนือรายงาน ว่าประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์แบบในการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนที่มีอานุภาพร้ายแรง สามารถบรรจุลงในหัวรบได้ ถือเป็นการบรรลุเป้าหมายสุดท้ายของการเป็นชาติมหาอำนาจนิวเคลียร์ ซึ่งในภาพข่าวของโทรทัศน์เกาหลีเหนือ ยังมีการเผยแพร่ภาพคำสั่งซึ่งเป็นลายมือของนายคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือที่ให้ทดสอบระเบิดไฮโดรเจนในเวลาเที่ยงของวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นระเบิดเทอร์โมนิวเคลียร์แบบมัลติฟังก์ชั่น มีอานุภาพทำลายล้างสูง โจมตีด้วยแรงกระแทกของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (อีเอ็มพี) ซึ่งเกาหลีเหนืออ้างว่าส่วนประกอบทั้งหมดทำขึ้นเองภายในประเทศ

การทดสอบในครั้งนี้ทำให้เกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงถึง 6.3 แมกนิจูดในบริเวณที่มีการทดสอบ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเกาหลีใต้และญี่ปุ่นระบุว่ามีความรุนแรงมากกว่าการทดสอบหลายครั้งก่อนหน้านี้ถึง 10 เท่า ให้มีความเป็นไปได้ว่าเป็นการทดสอบระเบิดไฮโดรเจนจริง โดยการทดสอบครั้งแรกมีขึ้นในปี 2549 และในการทดสอบครั้งที่ 5 เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ทำให้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.3 แมกนิจูด

สำหรับระเบิดไฮโดรเจนหรือเอชบอมบ์ หรือที่เรียกว่าอุปกรณ์เทอร์โมนิวเคลียร์ มีอานุภาพรุนแรงกว่าอาวุธนิวเคลียร์และเกาหลีเหนือมีการทดสอบระเบิดมาแล้วหลายครั้ง ซึ่งจากผลการทดสอบครั้งล่าสุดนี้ แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างมาก ทำให้หลายประเทศทั่วโลกไม่พอใจ โดยญี่ปุ่นจะเสนอมาตรการลงโทษเกาหลีเหนือ ด้านการค้าน้ำมันต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติต่อไป นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ แห่งญี่ปุ่นโทรศัพท์หารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เพื่อย้ำความร่วมมือในสถานการณ์ที่ลุกลามมากขึ้น ซึ่งยังหมายถึงความร่วมมืออย่างใกล้ชิดของ สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น เกาหลีใต้รวมถึงสหประชาชาติอีกด้วย

ส่วนประธานาธิบดี มุน แจอิน ของเกาหลีใต้เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกองทัพเกาหลีใต้ประกาศเพิ่มระดับการเตือนภัย

ขณะที่กระทรวงต่างประเทศจีนแถลงผ่านเว็บไซต์ประณามการกระทำของเกาหลีเหนือ และเรียกร้องให้ปฏิบัติตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงฯ กลับสู่แนวทางการแก้ปัญหาด้วยการเจรจา ขณะเดียวกัน จีนยังติดตามร่องรอยสารกัมมันตภาพรังสีจากการทดลองด้วย

จุดเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งหลังสุดอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือค่อนไปทางเหนือของเมืองคิมแช็ก ซึ่งที่ผ่านมาเหตุแผ่นดินไหวในจุดนี้ จะเกิดจากทดสอบระเบิดนิวเคลียร์ รวมถึงแรงสะเทือนที่เรียกว่าอาฟเตอร์ช็อก ก็เกิดจากการยุบตัวของหลุมทดลอง

ที่ฝรั่งเศสเกิดไฟป่าทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ทำลายพื้นที่มากกว่า 400 เฮกเตอร์ บ้านเรือนถูกเผาแล้ว 2 หลัง เนื่องมาจากสภาพอากาศที่แห้งและลมแรง สำนักงานดับเพลิงฝรั่งเศสขอให้ทางการท้องถิ่นปิดถนนบางส่วน และตัดไฟฟ้าแรงสูง

ส่วนไฟป่าที่ลอสแอนเจลิส ไฟป่าเผาทำลายพื้นที่ไปแล้ว 5,000 เอเคอร์ ซึ่งถือว่ามีความรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของลอสแอนเจลิส จึงมีการประกาศภาวะฉุกเฉินระดับท้องถิ่น และในระดับรัฐ เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังขอให้เจ้าหน้าที่ชุดที่ไปช่วยผู้ประสบภัยจากพายุฮาร์วีย์ที่เมืองฮูสตัน รัฐเทกซัส กลับมาช่วยดับไฟป่า

สหรัฐอเมริกาเข้าตรวจสอบอาคารของคณะผู้แทนด้านการค้าของรัสเซียในกรุงวอชิงตัน เพื่อยืนยันว่าคณะทำงานไม่มีการทำงานจริง ตามที่ทางการสหรัฐฯ มีคำสั่ง และเป็นหนึ่งในประเด็นความขัดแย้งระหว่าง 2 ฝ่าย ซึ่งรัสเซียได้ยื่นประท้วง โดยสำนักผู้แทนการค้าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มทรัพย์สินทางการทูต 3 แห่งที่สหรัฐสั่งปิดเนื่องจากเป็นทั้งบ้านและที่ทำงานของคณะผู้แทนรัสเซียตั้งแต่ยุคโซเวียต

ทางการเมืองแฟรงก์เฟิร์ต ในเยอรมนีสั่งอพยพผู้คนกว่า 6 หมื่นคนรวมผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับจุดที่พบระเบิดที่ตกค้างจากสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ในพื้นที่ก่อสร้างบริเวณถนนวิสมาเรอร์ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเริ่มการเก็บกู้ระเบิดน้ำหนัก 500 กิโลกรัม ซึ่งผ่านพ้นไปได้อย่างเรียบร้อย

การเมืองกัมพูชา ที่กำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในอีก 10 เดือนข้างหน้า เมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัวนายเขม โสกา หัวหน้าพรรคกู้ชาติกัมพูชา หรือซีเอ็นเอสพี ซึ่งฝ่ายค้านพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อารักขา 8 คนที่บ้านพักในเขต โตนกก กรุงพนมเปญ ซึ่งทางกระทรวงกิจการภายใน ระบุว่า นายโสกาถูกจับกุมเพราะมีฤติกรรมทรยศชาติ และย้ายสถานที่คุมขังจากกรุงพนมเปญไปที่เรือนจำในจังหวัดตะบองขมุมตามคำสั่งศาล แต่ยังไม่มีการตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการรวมถึงไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครองในฐานะส.ส.

ด้านนายฮุน มานิธ ลูกชายของนายกรัฐมนตรีฮุน เซนทวีตข้อความว่า "นายโสกาสารภาพว่าวางแผนมาอย่างยาวนานกับสหรัฐอเมริกา ขอบคุณที่ทำให้เรารู้ว่าใครคือมือที่สาม"

ตามกฎหมายอาญามาตรา 443 ระบุว่าการสมคบคิดกับต่างชาติเพื่อปลุกระดมความเป็นศัตรูและก้าวร้าวต่อราชอาณาจักรกัมพูชา จะต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 15-30 ปี และพรรคฝ่ายค้านอาจต้องถูกยุบตามกฎหมายพรรคการเมืองฉบับใหม่

สหประชาชาติ รายงานว่าค่ายผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติที่ตั้งอยู่ในเขตค็อกซ์ บาซาร์ในบังกลาเทศขณะนี้รองรับผู้อพยพชาวโรฮิงญาเต็มพื้นที่แล้ว โดยนับตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคมมีชาวโรฮิงญารวมถึงชาติพันธุ์อื่นอพยพหนีความรุนแรงในพื้นที่สู้รบรัฐยะไข่มาบังคลาเทศจำนวนมากกว่า 73,000 คนแล้ว และมีบ้านเรือนถูกเผาทำลายมากถึง 2,625 หลัง ซึ่งรัฐบาลเมียนมากล่าวหาว่าเป็นการกระทำของกลุ่มกองกำลังปลดปล่อยอาระกันโรฮิงญา หรือ เออาร์เอสเอ กลุ่มก่อการร้ายในพื้นที่ 

..