ไต้ฝุ่นฮาโตะพัดถล่มจีน/กัมพูชา ลงนามพัฒนาบ่อน้ำมันดิบในอ่าวไทย/สหรัฐผบ.เรือ หลังเกิดเหตุเรือพิฆาตชนที่สิงคโปร์

*ทันสถานการณ์โลกเวลา 06.30น.*

+++ความรุนแรงของพายุไต้ฝุ่นฮาโตะหลังพัดถล่มฮ่องกงและมาเก๊า พบผู้เสียชีวิต 5 ศพในมาเก๊า เสียชีวิตจากการหกล้ม ถูกรถเสียหลักพุ่งชนและถูกผนังบ้านล้มทับ มีผู้สูญหาย 2 คน และที่ฮ่องกง มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บ 58 คน สำนักงานพยากรณ์อากาศของฮ่องกงยกระดับเตือนภัยไต้ฝุ่นสู่ขั้น 10 ตอนที่พายุลูกนี้เข้าซัดถล่ม ซึ่งถือเป็นเพียงครั้งที่ 3 เท่านั้นในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ล่าสุด ได้ขึ้นฝั่งในเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง ทางภาคใต้ของจีนเมื่อช่วงเที่ยงวันนี้ ความแรงลม 45 เมตรต่อวินาที  ทางการจีน สั่งอพยพชาวบ้านหลายพันคนจากจุดเสี่ยง แต่อิทธิพลของพายุทำให้เกิดฝนตกหนักและลมแรง ต้นไม้หักโค่นกว่า 2,000 ต้น ป้ายจราจร ป้ายรถไฟและที่กั้นจราจรบนถนนหลายแห่งในมณฑลกวางตุ้งล้มระเนระนาด ขณะเดียวกันไฟฟ้าดับในบางท้องที่ แต่เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าสามารถกู้ระบบไฟฟ้าได้แล้วบางส่วนแล้วสถานประกอบการ โรงเรียนและโรงงานผลิตหลายแห่งในเมืองจูไห่ เมืองเจียงเหมินและเมืองตงก่วนปิดทำการ 1 วัน ทางด่วนหลายเส้นปิดการจราจรชั่วคราว ขณะที่พายุเคลี่อนตัวไปทางตะวันตก เริ่มกระทบต่อมณฑลอื่นๆในละแวกใกล้เคียง โดยเฉพาะเขตปกครองตนเองกวางสี หลายเที่ยวบินถูกยกเลิก ส่วนที่มณฑลยูนนาน การเดินรถไฟถูกเลื่อนเวลาการเดินทางหรือยกเลิกเช่นกัน ศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติจีนคาดว่าพายุจะเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกและจะค่อยๆลดความแรงลมเป็นพายุโซนร้อนขณะเคลื่อนตัวผ่านเขตปกครองตนเองกวางสีเมื่อคืน

+++นายซุย เซม รัฐมนตรีกระทรวงเหมืองแร่และพลังงานของกัมพูชาว่ารัฐบาลกัมพูชาได้ลงนามในข้อตกลงกับนายเคลวิน ตัง หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของบริษัทคริสเอ็นเนอร์ยี ผู้ประกอบธุรกิจพลังงานของสิงคโปร์ในกรุงกัมพูชาในวันนี้ เพื่อพัฒนาบ่อน้ำมันดิบแห่งแรกในอ่าวไทย บริเวณนอกชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชา คาดว่าจะสามารถผลิตน้ำมันดิบได้ราว 8,000 บาร์เรลต่อวันภายในปี 2563 นับเป็นความคืบหน้าล่าสุดของกัมพูชาซึ่งมีฐานะยากจนในการก้าวขึ้นมาเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลังเลื่อนแผนนี้มานานหลายปี รัฐบาลกัมพูชาคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้อย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯจากค่าสัมปทานและภาษีจากการดำเนินการช่วงแรกของโครงการ หากบ่อน้ำมันบ่อแรกสามารถทำรายดี บริษัทฯจะพัฒนาบ่อน้ำมันเพิ่มในระยะต่อไปอีก 2 บ่อ หลายฝ่ายคาดว่าอ่าวไทยอุดมสมบูรณ์ด้วยน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติจำนวนมหาศาล ที่ผ่านมาบริษัทพลังงานรายใหญ่ของประเทศไทยและมาเลเซียเริ่มขุดเจาะก๊าซธรรมชาติจากใต้ท้องทะเลมาใช้ประโยชน์แล้วนับตั้งแต่ปี 2523 แต่กัมพูชา ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชียเข้ามาทำการพัฒนาแหล่งน้ำมันดิบในอ่าวไทยช้ากว่าเพื่อนบ้านอื่นๆ

+++ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด เดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 58 เซนต์ ปิดที่ 48.41 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 70 เซนต์ ปิดที่ 52.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังรายงานของอีไอเอระบุด้วยว่ากำลังผลิตภายในประเทศเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 26,000 บาร์เรลต่อวัน เป็น 9.528 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดนับตั้งแต่สัปดาห์กลางเดือนกรกฎาคม 2015

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลดลง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บ่งชี้ว่าเขาอาจชัตดาวน์รัฐบาลอเมริกา หากสภาคองเกรสไม่มอบเงินทุนสำหรับสร้างกำแพงกั้นชายแดนติดกับเม็กซิโก ดัชนีอุตสาหกรรม ดาวโจนส์ ลดลง 87.80 จุด ปิดที่ 21,812.09 จุด ประธานาธิบดีทรัมป์ พูดในแอริโซนา เกรี้ยวกราดใส่สื่อมวลชนและประกาศว่าพร้อมชัตดาวน์หน่วยงานรัฐบาล เพื่อให้ได้มาซึ่งงบประมาณสำหรับก่อสร้างกำพงกั้นพรมแดนติดกับเม็กซิโก

+++ความเคลื่อนไหวในแดนลบในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ประกอบกับการอ่อนค่าของดอลลาร์ กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและดันราคาทองคำในวันพุธ(23ส.ค.) ปิดบวก โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 3.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,294.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์

+++กองทัพเรือสหรัฐฯสั่งปลดพล.ร.ท.โจเซฟ โอคอยน์ จากตำแหน่งผู้บัญชาการกองเรือที่ 7 ของสหรัฐฯประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ใกล้กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น ความเคลี่อนไหวนี้มีขึ้นหลังเกิดอุบัติเหตุเรือชนกันมาหลายครั้งในภูมิภาคนี้ ในจำนวนนี้เหตุเรือชนกัน 2 ครั้งมีนาวิกโยธินสหรัฐฯเสียชีวิต สำหรับอุบัติเหตุครั้งล่าสุดมีขึ้นในสัปดาห์นี้เมื่อเรือพิฆาตลำหนึ่งของสหรัฐฯชนกับเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งที่นอกชายฝั่งของสิงคโปร์ เป็นเหตุให้นาวิกโยธินสหรัฐฯบาดเจ็บ 5 คนและสูญหาย 10 คน กองทัพเรือสหรัฐฯระบุว่าทีมกู้ภัยค้นพบศพของผู้สูญหายแล้ว แต่ยังรอการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์ศพให้ชัดเจนก่อน

+++ตำรวจเดนมาร์ก ตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์ศพสตรีคอขาดคนหนึ่งที่มีคนเห็นลอยมาเกยตื้นอยู่ริมทะเลในกรุงโคเปนเฮเกนเมื่อวันจันทร์ระบุว่า มีดีเอ็นเอตรงกับดีเอ็นเอจากหวีและแปรงสีฟันของน.ส.คิม วอลล์ นักข่าวอิสระชาวสวีเดนวัย 30 ปีที่หายไปเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม หลังเรือดำน้ำอัปปาง เหตุเกิดขณะลงเรือไปทำข่าวเจาะลึกพร้อมกับนายปีเตอร์ แมดเซน ผู้ประดิษฐ์เรือดำน้ำชาวเดนมาร์กวัย 46 ปี ตำรวจเชื่อว่า น.ส.วอลล์เสียชีวิตหลังเรือดำน้ำของนายแมดเซนอัปปาง โดยตำรวจได้ตั้งข้อหานายแมดเซนในความผิดฐานฆ่าหั่นศพเพื่ออำพรางคดีนายแมดเซนยังให้การสับสน กับศาลระหว่างการไต่สวนมูลฟ้องเมื่อวันจันทร์ว่า น.ส.วอลล์เสียชีวิตหลังเกิดเหตุเรือดำน้ำอัปปาง ระบุว่าเขาได้ฝังศพของเธอในทะเล ซึ่งไม่ตรงกับคำให้การเดิมที่เคยบอกกับพนักงานสอบสวนว่า เขาจับเธอโยนจากเรือดำน้ำลงริมหาดแห่งหนึ่งขณะที่เธอยังไม่ตาย และปฏิเสธว่าไม่ได้ฆ่าน.ส.วอลล์ สำหรับตัวนายแมดเซนได้รับการช่วยเหลือจากทีมกู้ภัยเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมหรือ 15 ชม.หลังเหตุเรือดำน้ำอัปปาง แต่ตำรวจไม่พบคนอื่นๆอยู่ในเรือดำน้ำดังกล่าว

+++หน่วยข่าวกรองเลบานอนช่วยทลายแผนโจมตีก่อการร้ายของกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) ต่อเที่ยวบินหนึ่ง ด้วยระเบิดที่ซุกซ่อนในตุ๊กตาบาร์บี้ คนร้ายคือ นายอาเมอร์ คัยยัต ชาวเลบานอน วางแผนระเบิดเครื่องบินลำหนึ่ง ซึ่งมีกำหนดเดินทางจากซิดนีย์สู่อาบูดาบี ราว 20 นาที หลังจากเครื่องเทคออฟ แต่เขาจำเป็นต้องละทิ้งแผน เพราะกระเป๋าบรรจุระเบิดนั้นหนักเกินไป จนเขาไม่สามารถหิ้วขึ้นเครื่องไปได้จากนั้นอาเมอร์ ถูกควบคุมตัวคาสนามบิน ส่วนพี่น้องอีก 2 คนของเขา คาเลดและมาห์มูด คัยยัด ถูกรวบตัวในซิดนีย์ในภายหลัง และโดนตั้งข้อหาเตรียมการหรือวางแผนลงมือก่อการร้าย 2 กระทง ไมเคิล ฟีแลน รองคณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติออสเตรเลีย ระบุว่าแผนดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนโจมตีที่ซับซ้อนที่สุดที่พวกก่อการร้ายพยายามลงมือบนแผ่นดินออสเตรเลีย  คนร้ายวางแผนระเบิดเที่ยวบินหนึ่งของสายการบินอิติฮัด จากซิดนีย์สู่อาบูดาบี เมื่อวันที่ 15 กรกฏาคม โดยเครื่องบินลำดังกล่าวมีลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมด 400 คน ในนั้น 120 คนเป็นชาวเลบานอน นอกเหนือจากแผนระเบิดเครื่องบินแล้ว 4 พี่น้องยังวางแผนโจมตีครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นแผนที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก โดยจะเป็นการสร้างระเบิดที่ใช้จัดฉากการโจมตีด้วยแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์ในสถานที่สาธารณะแห่งหนึ่ง