นายกฯ ไม่กดดันใคร วันพิพากษาคดีอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ศุกร์นี้ ย้ำ นอนหลับอยู่แล้ว

หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงการเตรียมการ ก่อนวันตัดสินคดีจำนำข้าวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เตรียมการตามหน้าที่อยู่แล้ว แต่ไม่ได้เป็นการไปกดดันใคร อีกฝ่ายก็อย่าไปยุแยงตะแคงรั่ว จะขู่กันไปทำไม ซึ่งหากไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เสียเวลาเปล่า เสียงบประมาณ จึงต้องขอร้องประชาชนด้วย

 เมื่อถามว่าคืนวันที่ 24 ส.ค. จะนอนหลับหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "มีอะไรเหรอ เป็นวันอะไรเหรอ วันศุกร์เหรอ ดีใจสิวันศุกร์ผมได้พักผ่อน จะไปสนใจอะไรวันอะไรก็เป็นเรื่องคดี หรือเรื่องใครก็เป็นเรื่องของคนเขา เรื่องของศาลคนนอนหลับมีไม่กี่คนหรอก ผมหลับสบายทุกวัน งานผมเยอะอยู่แล้ว"

นายกรัฐมนตรี บอกอีกว่า เมื่อวานนี้ได้ถามชาวอีสานว่า จะไปในวันที่ 25 ส.ค.นี้หรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ไป ส่วนหลังวันตัดสินจะเกิดสถานการณ์ต้องถามคนไทยว่า ยอมให้เกิดขึ้นหรือไม่  ซึ่งผลการตัดสินจะเป็นอย่างไรไม่เคยรู้ก่อนล่วงหน้าและไม่อยากรู้ ดังนั้นหากเกิดอะไรขึ้นมาคนไทยทั้งประเทศยอมรับหรือไม่ หากยอมให้เกิดความวุ่นวายก็ยอม เพราะคนไทยทุกคนเป็นผู้กำหนดอนาคตของประเทศ รวมถึงสื่อมวลชนที่เป็นตัวกลางทำให้ประเทศสงบสุขและเดินหน้าประเทศได้

แถลงข่าวเสร็จสิ้น ขณะเดินออกจากโพเดี้ยม ปรากฏว่ามีนักข่าวภูมิภาคขอถ่ายรูปกับนายกฯ ด้วย ทำให้นายกฯ หันกลับมาและเรียกนักข่าวจากส่วนกลางไปถ่ายรูปพร้อมกันเลย พร้อมพูดคุยทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยนายกฯ ทดลองสวมวิญญาณนักข่าวถือกล้องส่ายไปมา พร้อมบอกว่า "รู้แล้วว่าการเป็นสื่อ มันลำบากแค่ไหน"

นอกจากนี้ ยังเล่นบทนักข่าวแสร้งใช้มือเป็นไมค์ ถามเรื่องการบริหารจัดการน้ำเป็นอย่างไร และประเทศเราต้องปฏิรูปหรือไม่ เรียกเสียงฮาจากสื่อมวลชนและบรรดาข้าราชการที่อยู่บริเวณนั้นอย่างมาก

ในระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร  นายกรัฐมนตรี ได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัด ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้าร่วมประชุม นอกจากแผนงานที่ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัดจะต้องเสนอแล้ว ต่อไปขอให้ทุกกระทรวงจัดทำแผนงานในลักษณะเดียวกันเป็นรายภาค ในกิจกรรมที่จะสร้างให้เกิดแต่ละภาค เกิดความเจริญเติบโตและยั่งยืนอย่างเข้มแข็งต่อไปในอนาคต ในทุกพื้นที่ ทั้งภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรม ที่จะต้องออกทำให้ชัดเจน รวมไปถึงการปรับแผนสภาพัฒน์ฯ ทุก 5 ปี พร้อมสร้างความเข้าใจกับประชาชนด้วย เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาด้านการก่อสร้าง การบุกรุกเวนคืนตามมา