การไต่สวนพยานนัดสุดท้ายในคดีรับจำนำข้าวนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี ช่วงเช้าเป็นการไต่สวน นายพศดิษฐ์ ดีเย็น อดีตหัวหน้าคลังสินค้าจังหวัดนครราชสีมา เบิกความ ประเด็นการตรวจสอบคุณภาพข้าวในคลังข้าว โดย นายพศดิษฐ์ ยืนยันว่า องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) จะต้องดำเนินการตามระเบียบของกรมการค้าภายในอย่างเคร่งครัด ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีคำสั่งกำชับมายัง ผู้อำนวยการ อคส. เสมอ
ส่วนการเปิดคลังเข้าว นอกจากจะต้องมี อคส. และผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว หรือ เซอเวเยอร์ จะต้องมีเจ้าหน้าที่จากสำนักมาตรฐานสินค้า กรมการค้าต่างประเทศร่วมดำเนินการด้วย กรณีตั้งข้องสงสัยข้าวเขมรปลอมปนนั้น พยานระบุว่า ลักษณะข้าวเขมร-ไทยต่างกันชัดเจน ข้าวเขมรเม็ดตรงป้อมๆ และข้าวไทยเมล็ดงอนหัว-ท้าย และยืนยันไม่มีการนำข้าวเขมรมาในโครงการนอกจากนี้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ยังเคยสั่งการไปยังตำรวจชายแดน ป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน มาสวมสิทธิในโครงการรับจำนำข้าวอีกด้วย ส่วนการตรวจสอบคุณภาพข้าว ของคณะกรรมการชุด ม.ล. ปนัดดา ดิศกุล หรือที่เรียกว่า "คณะกรรมการ 100 ชุด" ที่พบข้าวผิดประเภท เพราะใช้วิธีการตรวจสอบผิดวิธีและขาดผู้เชี่ยวชาญ จึงพบแต่ข้าวผิดประเภท และใช้เป็นข้ออ้างในการกล่าวหาว่า ข้าวในโครงการผิดประเภททั้งหมด ด้านพยาน ตอบการถามค้านของอัยการโจทก์ ยอมรับว่า พยานเคยถูกลงโทษวินัยเมื่อปี 2548 ถูกตัดเงินเดือนร้อยละ 10 เป็นเวลา 1 เดือน เนื่องจากการส่งเอกสารใบประทวนล่าช้า แต่การลงโทษนั้นไม่ใช่การกระทำระหว่างโครงการรับจำนำข้าวนี้