ภายหลังการประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินคดี กับเครือข่ายนางสาวพสิษฐ์ อริญชย์ลาภิศ หรือ โชกุน ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และซ่องโจร พลตำรวจเอกกวี สุภานันท์ ที่ปรึกษาสบ.10 ระบุว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความที่กองปราบปรามแล้วกว่า 400 คน เชื่อว่ายังมีผู้เสียหายที่ยังไม่ได้แจ้งความกว่า อีกกว่าพันคน ซึ่งในช่วงบ่ายวันนี้จะประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ร่วมกองบัญชาการทั่วประเทศ เพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้ผู้เสียหายสามารถไปแจ้งความกับสถานีตำรวจท้องที่ได้ และได้กำชับให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับ อาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ติดตามยึดทรัพย์ของผู้ต้องหาทั้งหมด ซึ่งขณะนี้ยึดไปแล้วมากกว่า 10 ล้านบาท แต่ยังไม่เพียงพอกับทรัพย์ของผู้เสียหาย ที่ประเมินเบื้องต้นได้ประมาณ 40-50 บ้านบาท รวมถึงมอบหมายให้ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาด้วยว่ามีการโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินหรือไม่
ส่วนการสอบปากคำ ผู้ต้องหา8 คนในเครือข่ายของโชกุนตั้งแต่เมื่อวานนี้ ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าเป็นเพียงการขายตรงเท่านั้นซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าเข้าข่ายผิด พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ,พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค และพระราชบัญญัติขายตรงหรือไม่ หากเข้าข่ายในความผิดใดจะแจ้งข้อหาเพิ่ม และจากการตรวจสอบยังไม่พบความเชื่อมโยงไปถึงนายทุนชาวฮ่องกง
นอกจากนี้จากการสอบปากคำแม่ข่ายในเบื้องต้น ให้การที่เป็นประโยชน์และ ยินดีที่จะนำทรัพย์สินมาคืนให้กับผู้เสียหาย ซึ่งบางรายเล่าถึงพฤติกรรมแม่ข่ายบางกลุ่มว่า โชกุนเคยจัดกิจกรรมแจกโทรศัพท์มือถือไอโฟน 7 และทองคำ ให้กับแม่ข่ายที่ทำยอดได้มาก เพื่อเป็นการจูงใจ ขณะเดียวกัน พนักงานสอบสวนกำลังตรวจสอบเพื่อออกหมายจับเพิ่มเติมกลุ่มแม่ข่ายที่เข้าข่ายกระทำผิดอีกหลายรายพร้อม ภายในสัปดาห์นี้จะสอบปากคำตัวแทนจาก2สายการบินที่มีการกล่าวอ้างว่าจะเช่าเหมาลำเพื่อพาไปทัวร์ต่างประเทศด้วย
สำหรับที่เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้น บริษัท อลิเชี่ยน ย่านอโศก ก็พบอาหารเสริม ที่นำเข้ามาจากประเทศแคนนาดาจริง แต่จะต้องส่งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค(สคบ.) และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ตรวจสอบว่าอาหารเสริมดังกล่าวนั้นถูกต้องแล้วหรือไม่