ผู้นำสหรัฐ ลงนาม ทบทวนโครงการวีซ่า รับแรงงานต่างด้าว ย้ำนโยบาย อเมริกันต้องมาก่อน

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในอำนาจพิเศษชื่อ “ซื้อของอเมริกัน จ้างคนอเมริกัน” ว่าด้วยการปฏิรูปมาตรการว่าจ้างแรงงานต่างด้าว โดยมุ่งเน้นการทบทวนโครงการวีซ่า “เอช-1บี” ที่ออกให้สำหรับแรงงานต่างด้าวมีทักษะสูง ซึ่งพนักงานชาวต่างชาติส่วนใหญ่ของบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำในสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นกูเกิ้ล เฟซบุ๊ก หรือไมโครซอฟท์ ล้วนอยู่ภายใต้เงื่อนไขของวีซ่าเอช-1บี  ผู้นำสหรัฐแนวคิดขวาจัด ซึ่งต้องการรักษาสัญญาตามแคมเปญ “อเมริกาต้องมาก่อน” มองว่ากลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีในซิลิคอน วัลเลย์ และบริษัทตัวแทนหางานสำหรับกลุ่มบริษัทเหล่านี้ใช้งานวีซ่า เอช-1บี “ผิดหลักการ” เพื่อหันไปว่าจ้างแรงงานต่างด้าวที่มีค่าแรงถูกกว่า แต่กลับไม่มีทักษะในระดับที่สูงเพียงพอ จึงถือเป็นการเอาเปรียบหรือตัดโอกาสในการได้งานของแรงงานชาวอเมริกันซึ่งมีทักษะสูงกว่า

ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐมีโควตาวีซ่าเอช-1บี สำหรับแรงงานต่างด้าวปีละ 85,000 คน แบ่งเป็นการใช้ “ระบบล็อตเตอรี” 65,000 คน และสำหรับนักศึกษาจบใหม่อีก 20,000 คน  ทรัมป์มให้เวลา 220 วัน เพื่อให้กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิร่วมกันเสนอร่างแผนปฏิรูปแก่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้ผู้ประกอบการในสหรัฐสามารถจ้างแรงงานต่างด้าวที่มีทักษะสูงและคุ้มค่าตอบแทน “อย่างแท้จริง”

ผู้นำสหรัฐยังสงวนท่าทีว่า คำสั่งดังกล่าวจะนำไปสู่การยกเลิกวีซ่าประเภทนี้ในอนาคตหรือไม่ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าหากเป็นจริงจะส่งผลกระทบต่อการถือครองเอกสารการมีถิ่นพำนักถาวร หรือ “กรีนการ์ด” อย่างแน่นอน