นายกฯย้ำ ยังไม่ปรับครม.ศก./ไทยมีแผนอพยพกรณีคาบสมุทรเกาหลี/ไซซะนะปัดทุกข้อหา

18 เมษายน 2560, 19:14น.


สรุปข่าว 19.35 น.



+++ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นความจำเป็นต้องปรับคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาลยังต้องทำงานเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดห่วงโซ่ยึดโยงกับเศรษฐกิจขนาดใหญ่



+++ น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้เห็นว่ายังมีเวทีที่ประเทศต่างๆ สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้ อาทิ การประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก(เออาร์เอฟ) หรือการเจรจา 6 ฝ่าย ส่วนการที่สหรัฐอเมริกาพูดคุยกับจีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้น่าจะส่งผลในทางการทูตไม่ให้เกิดบรรยากาศที่ตึงเครียด เราหวังว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรวมถึงสหรัฐฯและเกาหลีเหนือจะไม่ใช้ความรุนแรง เพราะไม่อยากให้มีผลกระทบต่อภูมิภาคและประชาชน เท่าที่ติดตามสถานการณ์ขณะนี้ คิดว่าไม่น่าจะมีการใช้ความรุนแรง อย่างไรก็ตาม สถานเอกอัครราชทูตไทยได้มีแผนอพยพกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินอยู่แล้ว แต่จากที่ดูสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่เห็นความจำเป็นและไม่ใช่เวลาที่จะนำแผนดังกล่าวมาปฏิบัติ เพราะการเดินทางไปมายังสามารถทำได้ตามปกติแต่ทุกคนต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องมีการออกคำแนะนำการเดินทาง ทั้งนี้มีคนไทยเดินทางไปเกาหลีใต้ปีละประมาณ 470,000 คน ขณะที่มีคนไทยอยู่ในเกาหลีใต้ 91,690คน



+++นายพิชัย รัตตกุล อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกแถลงการณ์ถึงการถอดเปลี่ยนหมุดคณะราษฎร ว่า ใครก็ตามที่ทำการนี้จะต้องมีแผนการล่วงหน้า เพราะไม่ใช่หมุดน้ำประปาคณะราษฎร์นำมาฝังไว้ 85 ปีแล้ว มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และจิตใจ คำนวณเป็นเงินไม่ได้ และการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่า“ใครเป็นเจ้าของหมุด ต้องให้เจ้าของมาแจ้งความเอง อย่ามาพูดให้ปรองดองกันด้วยปาก ตราบใดที่ขาดความจริงใจ ตราบนั้นบ้านเมืองก็ย่ำอยู่กับที่  การที่ตำรวจถามหาเจ้าของนั้นก็พูดไม่ถูก ของอย่างนี้จะไปหาเจ้าของที่ไหน คณะราษฎรตายไปหมดแล้ว



+++นายบรรลือ สุกใส ผู้อำนวยการเขตดุสิต กล่าวกรณีการเปลี่ยนหมุดคณะราษฎรเนื่องจากเป็นพื้นที่รับผิดชอบในเขตพื้นที่ดุสิต โดยนายบันลือ กล่าวว่า เขตก็ยังคงชี้แจงเหมือนเดิมว่าทางเขตไม่ได้เป็นผู้เปลี่ยน ส่วนกรณีการแชร์ที่บอกว่าทางสำนักงานเขตดุสิตเป็นผู้เปลี่ยนหมุดก็ไม่ใช่ความจริง นอกจากพื้นที่ดังกล่าวมีหลายหน่วยงานที่ร่วมรับผิดชอบในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งกทม.ก็มีหน้าที่ดูในเรื่องของหาบเร่แผงลอยเท่านั้น ส่วนหากจะมีการขอดูกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือซีซีทีวีในพื้นที่นั้นก็ต้องสอบถามไปยังสำนักการจราจรและขนส่ง ซึ่งทางกทม.ก็ยินดีเปิดเผย  ด้านนายสุธน อาณากุล ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง ถึงกรณีหากจะมีหน่วยงานเข้าไปขอดูกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) บริเวณดังกล่าว นายสุธน กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “หากจะมีผู้มาขอดูวงจรปิดบริเวณดังกล่าวทางกทม.ก็ยินดี



+++นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่รัฐสภาประจำ กรธ. นำร่างพรป. กกต. และ พรป. พรรคการเมือง ไปยื่นเข้าสารบบของ สนช. เรียบร้อยแล้วช่วงบ่ายวันที่ 18 เม.ย. เพื่อเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของ สนช. ที่มีเวลาตามรัฐธรรมนูญ 60 วันต่อไปแม้ว่า พรป.ทั้งสองฉบับถือเป็นกฎหมายลูกตามรัฐธรรมนูญที่มีขั้นตอนการดำเนินการเฉพาะอยู่แล้ว แต่ กรธ.จะทำให้ตรงตามมาตรา 77 ว่าด้วยการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็น และการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนให้เป็นแบบอย่างสำหรับกฎหมายอื่นๆที่จะมีต่อไปเพื่อส่งไปให้ สนช.ประกอบการพิจารณาต่อไป นายมีชัยยังยืนยันความจำเป็นที่ต้องให้พรรคการเมืองเก็บค่าสมาชิกพรรค เพราะเป็นเครื่องยืนยันถึงความเป็นเจ้าของพรรค และมีสิทธิ์ที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมสำคัญของพรรคต่อไป  ส่วนกรณีที่ กกต.รายหนึ่งทักท้วงเรื่องการตรวจสอบ และสรรหากรรมการองค์กรอิสระตามคุณสมบัติใหม่หลัง พรป.มีผลบังคับใช้ ว่าหากมีกรรมการที่มีคุณสมบัติเหลือน้อยจนดำเนินการอะไรช่วงรอการสรรหาไม่ได้ อาจก่อเกิดความเสียหายนั้น ประธาน กรธ.กล่าวว่าหากปล่อยให้คนที่ขาดคุณสมบัติตัดสินใจเรื่องสำคัญต่อไปก็อาจกลายเป็นความหายนะก็ได้ ถ้าจำเป็นต้องหยุดก็หยุดการทำหน้าที่ไป เราก็ไม่ได้เขียนตายตัวว่าต้องไปทั้งคณะ แต่ถ้ามีไม่ครบก็ให้ทำสิ่งที่ทำได้ไปก่อน



+++ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองในชุดคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองได้เชิญคณะอนุกรรมการฯ ที่ปรึกษา และผู้ทรงคุณวุฒิ ประชุมหารือเป็นครั้งที่สอง โดยมีการชี้แจงแผนงานของคณะกรรมการเตรียมการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดองที่ล่าสุดจะมีการประชุมในวันที่ 20 เม.ย. นี้ โดยจะมีการพิจารณาสรุปความเห็นร่วมของคณะกรรมการเตรียมการฯ ดังกล่าวที่ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องนำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานตามกรอบอำนาจหน้าที่ของแต่ละอนุกรรมการ พล.อ.เฉลิมชัยได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า สังคมมีความคาดหวังต่อการทำงานของคณะอนุกรรมการฯ อีกทั้งระยะเวลาในการทำงานก็มีไม่มากนัก จึงอยากขอให้ได้ช่วยกันวิเคราะห์ข้อมูล ให้ข้อเสนอแนะที่เป็นรูปธรรม เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมตามแนวทางสร้างสามัคคีปรองดอง โดยจะจัดให้มีการพบปะอย่างไม่เป็นทางการในรูปแบบของคณะทำงานสัปดาห์ละครั้งทุกวันจันทร์เช้า เพื่อร่วมกันระดมความคิดเห็นในแง่มุมต่างๆให้การทำงานมีความคืบหน้า และให้ได้ข้อยุติที่ดีที่สุดต่อไป



+++เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์  คุมตัวนายไซซะนะ แก้วพิมพา ชาว สปป.ลาว มาศาลอาญารัชดาฯ เพื่อสอบคำให้การ คดีที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด 10 ยื่นฟ้องเป็นจำเลย ฐานสมคบกัน นำเข้า และร่วมกันมียาบ้า จำนวน 1.2 ล้านเม็ดไว้ในครอบครองและจำหน่าย ศาลได้สอบคำให้การว่าจะรับสารภาพหรือปฏิเสธ ซึ่งนายไซซะนะ ให้การปฏิเสธ  ขอต่อสู้คดีในชั้นศาล ศาลจึงนัดพร้อมอีกครั้ง วันที่ 19 มิถุนายน เวลา 09.00 น.นายวรการ พงศ์ธนากุล ทนายความ เปิดเผยว่า นายไซซะนะ ยังกังวล เนื่องจากก่อนหน้าได้เซ็นยอมรับสารภาพในชั้นพนักงานสอบสวน โดยที่ไม่รู้และไม่เข้าใจ ข้อกฎหมายของไทย ตนในฐานะทนายไม่มีโอกาสเข้าไปชี้แจงข้อกฎหมายไทยให้นายไซซะนะฟัง เนื่องจากพนักงานสอบสวนกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด หรือ ปส.ไม่อนุญาต โดยมีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน. ทุ่งสองห้อง เมื่อวันที่ 20 มกราคม เมื่อศาลกำหนดวันนัดพร้อม จะทำหนังสือเพื่อร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลอีกครั้ง 



+++นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า สถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 17 เมษายน มีจำนวน 10.73 ล้านคน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.92 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 10.52 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ 5.59 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.21  จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 5.37 แสนล้านบาท แต่หากนับเฉพาะเดือนเมษายน ระหว่างวันที่ 1-17 เมษายน มีนักท่องเที่ยวอยู่ที่ 1.53 ล้านคน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 3.13  สร้างรายได้ 7.77 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 6.29  ซึ่งอัตราการเติบโตในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนเมษายน กลับมาเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปัจจัยส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์ความตึงเครียดคาบสมุทรเกาหลี ทั้งนี้ เชื่อว่า สถานการณ์ที่ตึงเครียด ไม่เป็นผลดีต่อภาคการท่องเที่ยว จึงให้กระทรวงและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด



+++ดัชนีนิกเกอิปิดบวก 63.33 จุด หรือ 0.35% แตะที่ 18,418.59 จุด



+++ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดที่ 1,574.42 จุด ลดลง 1.49 จุด มูลค่าซื้อขาย 31,967.45 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนเริ่มคลายกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีและในซีเรีย ลงมาระดับหนึ่ง



+++ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงในการซื้อขายวันแรกหลังหยุดยาวเนื่องในเทศกาลอีสเตอร์ ลดลง 337.12 จุด ปิดวันนี้ที่ 23,924.54 จุด



+++กรณีหมออนามัยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) แห่งหนึ่งใน จ.บึงกาฬ ถูกทำร้ายและพยายามล่วงละเมิดทางเพศ ขณะอยู่เวรนอกเวลาเพียงคนเดียว เมื่อเวลา 21.30 คืนวันที่ 15 เม.ย. ว่า เบื้องต้น ได้สั่งการให้ นพ.สสจ.ทั่วประเทศ เข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับเจ้าหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติงานนอกเวลาราชการเพิ่มมากขึ้น ด้าน นพ.วิศณุ วิทยาบำรุง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า ได้สั่งเพิ่มมาตรการความปลอดภัยกรณีมีผู้ป่วยมาขอรับบริการฉุกเฉิน นอกเวลาทำห้ามเจ้าหน้าที่ รพ.สต.ที่เป็นผู้หญิงลงมาให้บริการดูแลรักษานอกเวลาเวรโดยเฉพาะยามวิกาลโดยให้จัดเจ้าหน้าที่ผู้ชายอยู่เวรนอกเวลาทำการ การติดตั้งกล้องวงจรปิด การจัดให้มีเวรรักษาความปลอดภัยที่เป็นชายนอนเฝ้าสถานที่เป็นประจำ การออกนอกสถานที่ เพื่อให้บริการยามวิกาล และออกชุมชน และที่สำคัญคือ การสร้างเครือข่าย อสม.เข้มแข็งเครือข่ายผู้นำชุมชนที่ดี 

ข่าวทั้งหมด

X