ซีเอ็นเอ็นรายงานว่านายโดนัลด์ ทัสค์ ประธานสหภาพยุโรป(อียู)ระบุในจดหมายที่เขียนถึงรัฐสมาชิก 28 ประเทศในกลุ่มอียูว่ารัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯถือว่าเป็นภัยคุกคามต่ออียู นับเป็นวิจารณ์รัฐบาลของนายทรัมป์โดยชัดแจ้งแทนที่จะพูดคุยเป็นการส่วนตัวและอาจจะทำให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯกับกลุ่มอียู โดยนายทัสค์ได้จัดรัฐบาลของนายทรัมป์อยู่ในบัญชีรายชื่อภัยคุกคามต่ออียู เช่นเดียวกับประเทศจีน,รัสเซีย,ปัญหาก่อการร้ายและกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส) เพิ่มเติมว่านโยบายใหม่ๆที่รัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯแถลงออกมาล้วนแต่เป็นเรื่องที่ทำให้พวกเราไม่อาจจะคาดการณ์อนาคตได้อย่างชัดเจน
เขากล่าวว่าการเปลี่ยนนโยบายต่างๆของรัฐบาลสหรัฐฯทำให้กลุ่มอียูอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก ดูเหมือนรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯจะตั้งคำถามเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศสหรัฐฯที่เป็นพันธมิตรกับกลุ่มอียูมาตลอด 70 ปีที่ผ่านมา การวิจารณ์ของนายทัสค์สะท้อนความไม่สบายใจกรณีนายทรัมป์วิจารณ์องค์กรของยุโรป โดยนายทรัมป์กล่าวถึงองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ(นาโต)ว่าล้าสมัยและกล่าวถึงรัฐสมาชิก 28 ประเทศของกลุ่มอียูว่าเป็นเครื่องมือหนึ่งของเยอรมนีและบอกว่าเขามีประสบการณ์ที่แย่มากกับกลุ่มอียูในฐานะนักธุรกิจ
ที่ผ่านมาหลายฝ่ายกังวลว่าการแสดงความเห็นของนายทรัมป์กระทบต่ออียู แต่ส่งผลดีต่อรัสเซีย ซึ่งต้องการเห็นองค์กรนาโตอ่อนแอและต้องการให้เกิดความร้าวฉานขึ้นระหว่างสองพันธมิตรคืออียูและสหรัฐฯ แต่สิ่งที่น่ากังวลกว่านั้นคือนายสตีเฟน แบนนอน หัวหน้านักยุทธศาสตร์ของนายทรัมป์ ซึ่งไม่เพียงแต่มีความเห็นต่อต้านอียูและมีอิทธิพลต่อนายทรัมป์ แต่เว็บไซต์ข่าวเบรทบาร์ท นิวส์ของเขายังขยายเข้าสู่ยุโรปด้วย ที่สำคัญคือนายแบนนอนมีสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับนักการเมืองประชานิยมของยุโรปเช่น นางมารีน เลอ แปง หัวหน้าพรรคเนชั่นแนล ฟรอนท์ พรรคขวาจัดของฝรั่งเศส ทูตหลายคนแสดงความกังวลกรณีการเสนอข่าวเท็จและทฤษฏีสมคบต่างๆของเว็บไซต์นั้นอาจจะส่งผลการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในหลายประเทศของยุโรปรวมถึงฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์และอิตาลี /16.41 น.