หลังประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ระบุว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้สนช.เปลี่ยนวิธีการทำงานที่จากเดิมทำงานในเชิงรับ เป็นทำงานในเชิงรุกแทน เข้าไปดูว่าแต่ละกฎหมายมีหลักการและความเห็นอย่างไร เพื่อที่จะสามารถพิจารณาได้เร็วขึ้น พร้อมสรุปภารกิจเกี่ยวกับการพิจารณากฎหมายที่มาจากรัฐธรรมนูญฉบับประชาติมติ 10 ฉบับที่จะต้องทำให้เสร็จภายใน8เดือน โดยสนช.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อศึกษาและพิจารณาการทำกฎหมายลูก ที่จะต้องออกล่วงหน้า เมื่อส่งเรื่องที่มาที่สนช. จะต้องทำให้เสร็จสิ้นภายใน 2 เดือน เชื่อว่าจะสามารถทำได้ทัน ส่วนกฎหมายอีก4ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ไม่สามารถตอบได้ว่าจะเสร็จเมื่อใด ขึ้นอยู่กับกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ส่งมาก่อน
ด้านนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว่า วันนี้เป็นการซักซ้อมการทำงานของป.ย.ป เนื่องจากเดิมการปฏิรูปประเทศสปท.จะเป็นต้นน้ำและส่งต่อให้ ครม.และให้สนช.ออกเป็นกฎหมาย โดยมองว่า วิธีการนี้ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร จึงให้แต่ละฝ่ายที่มาหารือร่วมกัน ซึ่งวันนี้การประชุมมี4วาระ โดยเริ่มจากวาระแรก เช็คสต็อกทำความเข้าใจ เกี่ยวกับขั้นตอนการทำงาน วาระที่ 2 การจัดลำดับความสำคัญที่ สปท.นำเสนอในที่ประชุมรวม27 เรื่อง และยังมีการคณะกรรมการเสนอเรื่องการปฏิรูปอื่นๆ เพิ่ม เช่น การบริหารระดับท้องถิ่น การบริหารแผ่นดิน โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้แม่น้ำทั้ง3สายเริ่มปฏิรูปตั้งแต่ปีนี้ เพราะการปฏิรูปไม่ใช่จะทำได้ในเวลาไม่กี่ปี
ส่วนวาระที่3 การปรับกระบวนการทำงานให้กระชับเพื่อสามารถผลักดันให้การปฏิรูปเกิดผลสัมฤทธิ์ได้รวดเร็ว และวาระที่4 การตั้งอนุกรรมการที่ยังไม่ได้ข้อสรุป เบื้องต้นมี5คณะ ประกอบด้วย อนุกรรมการพิมพ์เขียว อนุกรรมการประสานกระทรวงเพื่อขับเคลื่อนการปฏิรูป อนุกรรมการการรับรู้และมีส่วนร่วม อนุกรรมการติดตามและประเมินผล
หลังจากนี้จะนำเรื่องดังกล่าว ไปหารือกับคณะกรรมการป.ย.ป.ชุดใหญ่ รวมถึงจะทำแผนผังวาระการทำงานแม่น้ำ3สายว่า มีความสอดคล้องกันอย่างไร ไม่ใช่ต่างคนต่างทำงานเหมือนแต่ก่อน