นายกฯถึงนราธิวาสแล้ว ยืนยันไม่ทอดทิ้งประชาชนในภาคใต้ /สนข.จัดอันดับถนนรถติด/ญี่ปุ่น เรียกทูตประจำเกาหลีใต้กลับประเทศ

ข่าวเที่ยงครึ่ง

+++ ที่ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนร่วมประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุมว่า รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้งประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งยอมรับว่าพื้นที่นี้มีศักยภาพ แต่ก็มีอุปสรรคเรื่องความมั่นคง ขณะเดียวกันเข้าใจว่าทุกคนเฝ้ารอการเข้ามาพัฒนาและเพิ่มศักยภาพ เนื่องจากกลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้มีรายได้น้อย ดังนั้นรัฐบาลนี้จะแก้ปัญหาให้ได้ในช่วงขณะนี้ ขณะที่การประชุมด้านความมั่นคง ได้เน้นย้ำให้งานด้านความมั่นคงสอดคล้องกับการพัฒนาในพื้นที่ ไปสู่ความเป็นพื้นที่สามเหลี่ยมของความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนพร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรี ได้ถือโอกาสอวยพรปีใหม่เจ้าหน้าที่ที่ทำงานในพื้นที่ทุกคน ให้มีความสุขความเจริญอีกด้วย ในการลงพื้นที่จ.นราธิวาส ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ สภาพอากาศในพื้นที่มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ในช่วงเช้า โดยระหว่างเส้นทางจากสนามบินไปยังศาลากลางจังหวัด บางจุดมีน้ำท่วมขังทำให้ขบวนรถนายกฯ และคณะต้องเบี่ยงเส้นทางเพื่อเดินรถด้วย.

+++กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสถานการณ์อุทกภัยและวาตภัยในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.60-ปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์ใน 9 จังหวัด (พัทลุง นราธิวาส ยะลา สงขลา ปัตตานี ตรัง นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ชุมพร) 68 อำเภอ 381 ตำบล 2,507 หมู่บ้าน เสียชีวิต 6 ราย

+++รายงานข่าวจากสำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) แจ้งว่า สรุปผลสำรวจอัตราความเร็วเฉลี่ยของรถยนต์ส่วนบุคคลในกรุงเทพฯที่เก็บข้อมูลระหว่างเดือน ก.ค.-ต.ค. 59   บนถนนสายหลักต่างๆ ในกรุงเทพฯรวม 6  พื้นที่ไม่รวมถนนวงแหวนชั้นใน (รัชดาภิเษก) ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมากว่า 10 ปี สรุปความเร็วรถในภาพรวมปี 59   ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า 06.00-09.00 น. ความเร็วเฉลี่ย 14.9กม.ต่อชม. ช่วงเร่งด่วนเย็น 22.1 กม.ต่อชม. เมื่อเปรียบเทียบกับปี58  ความเร็วช่วงเร่งด่วนเช้า (ขาเข้าเมือง)ลดลงเฉลี่ยประมาณ 0.1 กม.ต่อชม. หรือร้อยละ 0.7 ขณะที่เร่งด่วนเย็น 16.00-19.00 น.(ขาออกเมือง) อัตราความเร็วเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณ 0.1กม.ต่อชม. หรือร้อยละ 0.5 (จาก 22.0กม.ต่อชม. เป็น 22.1 กม.ต่อชม.)

+++5อันดับถนนที่มีการจราจรติดขัดมากที่สุดช่วงเร่งด่วนเช้าได้แก่ 1. ถนนกรุงธนบุรี ช่วงกรุงธนบุรี-สุรศักดิ์ความเร็วเฉลี่ย  5.8กม.ต่อชม. 2.ถนนพระราม 9ช่วงรามคำแหง-พระราม 9 ความเร็วเฉลี่ย 8.1กม.ต่อชม. 3.ถนนบรมราชชนนี ช่วงสายใต้ใหม่-บรมราชชนนี   9.7กม.ต่อชม. 4.ถนนเจริญกรุง ช่วงถนนตก-สุรวงศ์  9.8 กม.ต่อชม. และ 5.ถนนราชวิถีชั้นในช่วงอุภัย-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  11.2 กม.ต่อชม. ขณะที่ 5 อันดับ ถนนที่มีการจราจรติดขัดมากที่สุดช่วงเร่งด่วนเย็น  ได้แก่ 1.ถนนสุขุมวิทชั้นในช่วงนานา-อโศก  7.5กม.ต่อชม. 2.ถนนราชวิถี ช่วงอุภัย-บางพลัด  8.5 กม.ต่อชม. 3.ถนนพญาไทช่วงสามย่าน-อนุสาวรีย์ชัยฯ  9.0กม.ต่อชม. 4.ถนนเจริญกรุง ช่วงสุรวงศ์-ถนนตก  9.1 กม.ต่อชม. และ 5.ถนนพระราม9 ช่วงพระราม 9-รามคำแหง 9.6กม.ต่อชม. ทั้งนี้สำหรับถนนกรุงธนบุรีช่วงกรุงธนบุรี-สุรศักดิ์ เมื่อปี 58 ก็ติดอับดับ1 ความเร็วเฉลี่ยแค่  5.1 กม.ต่อชม.  ส่วนช่วงเร่งด่วนเย็นเมื่อปี58 อันดับ1คือ  ถนนสาทร ความเร็วเฉลี่ย 6.4กม.ต่อชม.

++++สรุปภาพรวมการจราจรในปี 59 มีปัญหาการจราจรติดขัดไม่ต่างจากปี 58เนื่องจากมีการเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางซื่อ-บางใหญ่  เปิดใช้ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก  ถนนเชื่อมต่อถนนจรัญสนิทวงศ์-ถนนกาญจนาภิเษกและทางลอดใต้ทางแยกถนนตากสิน ถนนรัชดาภิเษก (แยกมไหสวรรย์) ซึ่งช่วยกระจายการจราจรในภาพรวมของกรุงเทพฯแม้ในปี 59 จะมีการเพิ่มขึ้นของจำนวนรถยนต์จากสถิติจดทะเบียนรถยนต์ใหม่ ช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค. 59เฉลี่ยวันละ 1,119 คันเพิ่มขึ้น  จากเดิมเฉลี่ย 96คันต่อวัน ซึ่งการเพิ่มขึ้นของรถจดทะเบียนใหม่ในกรุงเทพฯยังมีอัตราเพิ่มที่ใกล้เคียงกันส่งให้จำนวนรถสะสมในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นทุกปีขณะที่การก่อสร้างโครงข่ายถนนและทางด่วนเพิ่มเติมยังดำเนินการได้ล่าช้าส่วนราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเมื่อเทียบกับราคาย้อนหลังในหลายปีที่ผ่านมาราคาลดลงประมาณลิตรละ 10-15 บาท หรือประมาณร้อยละ 30ซึ่งมีผลต่อการตัดสินใจใช้รถยนต์ส่วนบุคคลที่มีอยู่มากขึ้น

+++พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ในวันที่ 9 ม.ค.นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00-10.00 น. กองทัพบกโดยกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) จะทำการเคลื่อนย้ายรถถังและยานเกราะล้อยางจำนวนหนึ่ง จากที่ตั้งหน่วยทหารในจ.ปราจีนบุรี มายังกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) บางเขน กทม. เพื่อเตรียมร่วมในพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพลเนื่องในวันกองทัพบกวันที่ 18 ม.ค. โดยใช้เส้นทางจากจ.ปราจีนบุรี มาทางเส้นทางรังสิต องครักษ์ เพื่อเข้าถ.วิภาวดีรังสิต และเลี้ยวซ้ายบริเวณแยกหลักสี่ ผ่านวงเวียนบางเขน เพื่อเข้าไปภายในร.11รอ. อย่างไรก็ตามกองทัพบกขออภัยในความไม่สะดวกด้านการจราจรในช่วงที่มีการเคลื่อนย้ายด้วย

+++กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลญี่ปุ่นเรียกตัวเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำเกาหลีใต้กลับประเทศเพื่อตอบโต้กรณีที่เกาหลีใต้สร้างรูปปั้นที่เป็นสัญลักษณ์ของนางบำเรอ (comfort women) ในเมืองปูซานนั้น สร้างความผิดหวังให้กับประเทศเกาหลีใต้อย่างที่สุด พร้อมกันนี้ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ทั้งสองประเทศพัฒนาความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีอันยั่งยืนของบนพื้นฐานของความไว้วางใจ ท่ามกลางสถานการณ์อันท้าทายต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามารัฐบาลญี่ปุ่นได้เรียกตัวนายยาซูมาสะ นากามิเนะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำเกาหลีใต้กลับประเทศ พร้อมกับระงับการเจรจาสว็อปค่าเงินกับเกาหลีใต้ เพื่อตอบโต้กรณีที่เกาหลีใต้สร้างรูปปั้นที่เป็นสัญลักษณ์ของนางบำเรอ (comfort women) ในเมืองปูซานนายโยชิฮิดะ สึกะ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะระงับการเจรจาเกี่ยวกับการสว็อปค่าเงินกับเกาหลีใต้ และเลื่อนการเจรจาประเด็นเศรษฐกิจกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีใต้ ซึ่งความเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการตอบโต้กรณีที่มีการสร้างรูปปั้นสตรีที่ถูกบังคับให้เป็นนางบำเรอของทหารญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยรูปปั้นดังกล่าวตั้งอยู่ด้านนอกสถานกงสุลญี่ปุ่นในเมืองปูซาน ซึ่งรูปปั้นนี้สร้างโดยฝีมือของกลุ่มพลเรือนในเมืองปูซานเมื่อเดือนที่แล้ว

+++ไข่พลาสติกหลากสีสันจำนวนมหาศาลที่ถูกคลื่นซัดเข้ามาติดอยู่บนชายหาดเกาะลังอุ๊กของเยอรมนี ภายในไข่มีของเล่นชิ้นเล็กๆ บรรจุเอาไว้ สร้างความตื่นเต้นให้แก่ผู้ที่พบเห็น โดยเฉพาะเด็กๆ คาดว่าไข่พลาสติกทั้งหมดมาจากตู้คอนเทนเนอร์ที่หล่นลงมาจากเรือสินค้า ซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปท่าเรือเบรมาฮาเฟ่นของเยอรมนี ทางการต้องขอความช่วยเหลือไปยังโรงเรียนอนุบาลในพื้นที่ให้ระดมกำลังเก็บไข่ออกจากชายหาด ก่อนที่จะเป็นอันตรายต่อชีวิตของสัตว์ป่าในบริเวณดังกล่าว