โฆษกศิษยานุศิษย์ ขอให้ฝ่ายรัฐทบทวนการบุกจับพระธัมมชโย มองการยื่นฟ้องคดีไม่เป็นธรรม

ท่าทีและจุดยืนของคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายทั่วโลก นายองอาจ ธรรมนิทา โฆษกคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย
กล่าวถึงกระแสข่าวที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เตรียมกำลังเจ้าหน้าที่บุกเข้าจับกุมพระธัมมชโย ในวันอังคารที่ 13 ธันวาคมนี้ ว่าดีเอสไอมีการสนธิกำลังกับตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครองกว่า 3,000นาย พร้อมด้วย เฮลิคอปเตอร์ สุนัขตำรวจ รถคลื่นเสียงแรงสูงทำลายแก้วหู รถฉีดน้ำความดันสูง หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เตรียมบุกเข้าวัดพระธรรมกายต่อเนื่องเป็นเวลา4วัน โดยได้ประสานสั่งการให้โรงพยาบาลใกล้เคียงเตรียมแพทย์และพยาบาลไว้ จึงมองว่า เป็นการส่อว่าจะใช้ความรุนแรงในการเข้าปราบปราบจับกุมคณะศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกายที่มาสวดมนต์นั่งสมาธิอยู่ในวัดเพราะความเป็นห่วงพระธัมมชโย ซึ่งเชื่อว่า อาจจะทำให้เกิดความรุนแรงและอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และหากดีเอสไอจะนำกำลังบุกเข้ามาจับกุมพระธัมมชโยในวันที่ 13ธ.ค.จริงตามที่เป็นกระแสข่าว ก็ไม่สามารถที่จะไปสั่งการลูกศิษย์ที่เดินทางมาปฏิบัติธรรมจากทั่วประเทศได้ ไม่สามารถห้ามความคิดของลูกศิษย์ได้ จึงอยากให้ฝ่ายรัฐทบทวนในการจัดกำลังเข้ามา และในวันดังกล่าวลูกศิษย์ก็จะยังปฏิบัติธรรมตามปกติ จึงอยากขอความเห็นใจในครั้งนี้ด้วย ในส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดีเอสไอ นัดหารืออีกครั้งพรุ่งนี้ ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่จังหวัดปทุมธานีนำป้ายมาติดป้ายเพื่อให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่กีดขวางทางสาธารณะบริเวณสะพานคลองสาม ระหว่างประตู3และประตู4นั้น นายองอาจ ยืนยันว่า วัดพระธรรมกายไม่เคยทำให้ประชาชนเดือดร้อน โดยเฉพาะประชาชนรอบวัด ส่วนเจ้าหน้าที่จะดำเนินการอย่างไรก็เป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่ รวมถึงมองว่า การแจ้งความดำเนินคดีของพนักงานสอบสวนในคดีสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น และคดีอื่นที่เกี่ยวข้องกันไม่ได้รับความเป็นธรรมในหลายประการ ทั้งกรณีของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) และการที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สั่งระงับการออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DMC โดยยังไม่มีการไต่สวน
ผู้สื่อข่าว : พนิตา สืบสมุทร