34วันมีผู้สักการะพระบรมศพแล้วมากกว่า1ล้าน1แสนคน/สหรัฐเคารพประชามติอิตาลี

สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ตั้งแต่เวลา 04.50 ถึงเวลา 00.45 น.ของวันที่ 5 ธ.ค. เนื่องจากมีประชาชนรอคิวตกค้างอยู่ที่ท้องสนามหลวงเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงเวลาระหว่าง 18.00-21.00 น. มีประชาชนตกค้างมากถึง 26,735 คน ทางสำนักพระราชวังจึงขยายเวลาให้ประชาชนเข้ากราบสักการะจนหมด มีจำนวนทั้งสิ้น 56,367 คน รวม 35 วัน มี 1,237,475 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงินยอดเงิน 2,707,244.75 บาท รวม 35 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 94,896,294.75 บาท

ด้านเครือข่ายจิตอาสาและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย ศูนย์ประสานงานอาสาสมัคร Volunteers For DAD ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อาสาสมัครที่ฝึกอบรมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับกรุงเทพมหานคร แถลงผลการทำกิจกรรมรณรงค์แยกขยะ เพื่อลดปริมาณขยะ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการทำความดีเพื่อพ่อ โดยนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานอาสาสมัครฯ แถลงว่า ขณะนี้โรงครัวโดยรอบพื้นที่สนามหลวงเลิกใช้กล่องโฟมได้สำเร็จแล้ว และโครงการลดขยะในขั้นตอนต่อไป คือ ลดขยะที่มาจากขวดน้ำพลาสติก โดยจะขอความร่วมมือจากประชาชนที่เดินทางมายังพื้นที่สนามหลวงนำกระติกน้ำ หรือขวดน้ำพกพาติดตัวมาด้วย ซึ่งนอกจากจะมีการจัดเครื่องกรองน้ำไว้ให้บริการแล้ว ยังมีอาสาสมัครฯ ที่จะนำน้ำดื่มไปเติมในภาชนะที่เตรียมมาด้วย

นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงว่า จากการรณรงค์แยกและลดขยะ ตลอดเดือนพฤศจิกายน พบว่า ปริมาณขยะในพื้นที่สนามหลวงลดลงเหลือวันละ 54 ตัน จากปริมาณขยะในช่วงเดือนตุลาคม ระหว่างวันที่ 14-31 ตุลาคม มีจำนวนวันละ 110 ตัน

ด้านความเคลื่อนไหวทางการเมือง นายวันชัย สอนศิริ กรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปการควบคุมและการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ กล่าวว่าการทำงานด้านปฏิรูปการควบคุมและการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ได้ข้อสรุปเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยประเด็นที่น่าสนใจคือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล จะต้องมีข้อมูลที่มีพยานหลักฐานแน่นหนา เมื่อส่งข้อมูลไปยัง ป.ป.ช.แล้วจะต้องสามารถเอาผิดรัฐมนตรีผู้นั้นได้

และจากผลการลงประชามติของชาวอิตาลีที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และส่งผลให้นายกรัฐมนตรีมัตเตโอ เรนซี ลาออก ด้านทำเนียบขาวของสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ว่า สหรัฐเคารพการตัดสินใจของชาวอิตาลี และจะยังคงเป็นมิตรที่สำคัญของสหรัฐต่อไป

ส่วนธนาคารกลางยุโรป หรือ อีซีบี. จะประชุมนโยบายในวันที่ 8 ธันวาคม โดยมีวาระหนึ่งคือการขยายเวลาสำหรับการซื้อพันธบัตรรัฐบาลอิตาลีวงเงิน 1 ล้าน 7 แสน 7 หมื่นล้านยูโรหรือไม่ ขณะที่มีการอัดฉีดเงิน 8 หมื่นล้านยูโร/เดือนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพื่อคลายความผันผวนในตลาด

ส่วนการเลือกตั้งประธานาธิบดีออสเตรียปิดคูหาเลือกตั้งแล้ว โดยผลนับคะแนนเบื้องต้นชี้ว่า นายอเล็กซานเดอร์ แวน เดอ เบลเลน นักการเมืองอิสระที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคกรีน ได้รับเสียงสนับสนุนร้อยละ 53.6 ส่วนนายนอร์เบิร์ต โฮเฟอร์ จากพรรคฟรีดอม ได้รับเสียงสนับสนุนประมาณร้อยละ 46 แต่การประกาศผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นหลังจากที่มีการนับคะแนนของผู้ที่ลงคะแนนผ่านทางไปรษณีย์ 

...