นายกฯเผยหยุดยาวปีใหม่ขอเที่ยวไทย/รบ.ยืนยันช่วยประชาชนให้ครอบคลุม

+++ประชาชนรวมใจจัดกิจกรรมรวมพลังแห่งความภักดีพร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อแสดงความจงรักภักดีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ถ่ายทอดสดไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ซึ่งมีการจัดงานพร้อมกันทั้งกระทรวง หน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ ข้าราชการทหาร ตำรวจ สถาบันการศึกษา ภาคเอกชน ทั้งในกรุงเทพมหานคร(กทม.)และต่างจังหวัด ในแต่ละจังหวัดจัดขึ้นที่ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ ที่ทำการเทศบาล และที่ทำการตำบลบางแห่ง ขณะเดียวกัน ที่ท้องสนามหลวง หยุดพักการต่อแถวเข้ากราบสักการะพระบรมศพ ในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ ได้ร่วมร้องเพลงชาติและเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อแสดงความจงรักภักดีพร้อมกับประชาชนทั่วทั้งประเทศ

+++สำนักพระราชวัง แจ้งว่า สำนักพระราชวังจะปิดการจำหน่ายบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวังสำหรับนักท่องเที่ยว และงดการเข้าถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง เนื่องในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร (50 วัน) ในวันที่ 1-2 ธ.ค. 2559 เป็นเวลา 2 วัน

+++สำหรับวันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม 2559 และวันอังคารที่ 6 ธันวาคม 2559 จะมีพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช สำนักพระราชวัง จะปิดการจำหน่ายบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวังสำหรับนักท่องเที่ยวทั้ง 2 วัน แต่ยังคงเปิดให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ได้ตามปกติ

+++ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) กำหนดให้วันที่ 5 ธ.ค. เป็นวันหยุดราชการ เป็นวันพระราชสมภพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ขณะที่ครม.มีมติให้เพิ่มวันหยุดชดเชยวันหยุดเทศกาลปีใหม่ 2 วัน คือ วันที่ 2-3 ม.ค. 2560 จากเดิมวันที่ 31 ธ.ค. และ 1 ม.ค. ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ ดังนั้นวันหยุดเทศกาลปีใหม่จะมีทั้งสิ้น 4 วัน สำหรับในส่วนวันสำคัญประจำปี 2560 คาดว่าจะพิจารณากันในการประชุม ครม.วันที่ 29 พ.ย. หรือไม่เกินสัปดาห์ถัดไปในเดือนธ.ค.

+++พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ช่วงปีใหม่ขอให้ทุกคนทุกหน่วยงานและทุกกระทรวงท่องเที่ยวภายในประเทศให้มากขึ้น  ส่วนการจัดสัมมนาขององค์กรต่าง ๆ ถ้าเป็นไปได้ขอให้จัดภายในประเทศด้วย ควบคู่กับการชวนนักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวนี้ให้มากขึ้น ก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและนางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา  ร่วมประชุมหารือกับผู้ประกอบการเพื่อส่งเสริมพัฒนาด้านการท่องเที่ยวของไทยอีกด้วย

+++บ่ายนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) มอบใบประกาศนียบัตรรับรองมาตรฐานร้านอาหารในโครงการเสริมสร้างมาตรฐานอาหารถิ่น

+++ติดตามมาตรการการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้มีการใช้จ่ายในระบบมากขึ้น ทำให้เกิดการจ่ายเงินในระบบมากขึ้น นอกจากนี้จะมีมาตรการในช่วงปีใหม่เพื่อเร่งการใช้จ่ายและเรื่องของการท่องเที่ยวด้วย รัฐบาลมุ่งหวังดูแลประชาชนในอาชีพอื่นนอกเหนือจากการช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งจากการลงทะเบียนมีประมาณ 8 ล้านคน ตอนนี้ช่วยเกษตรกรไปแล้ว 3 ล้านคน ยังเหลือ 5 ล้านคน

+++คุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือ ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี และเป็นผู้ว่างงานหรือมีรายได้ไม่เกินปีละ 100,000 บาท ในปี 2558 ที่ไม่ใช่เกษตรกร และได้ไปลงทะเบียนเพื่อรับสวัสดิการต้องผ่านการตรวจสอบสถานะแล้ว

+++นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือว่า กำหนดผู้มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เกินปีละ 3 หมื่นบาทต่อปี จะได้รับเงินช่วยเหลือ ให้เพียงครั้งเดียว 3,000 บาทต่อคน จำนวน 3.1 ล้านคน ประมาณการวงเงินที่ใช้ 9,300 ล้านบาท ส่วนผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 3 หมื่นบาทต่อปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี จะได้รับเงินช่วยเหลือ ให้เพียงครั้งเดียว 1,500 บาทต่อคน จำนวน 2.3 ล้านคนประมาณการวงเงินที่ใช้ 3,450 ล้านบาท ซึ่งจะโอนเงินให้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย ดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ใช่เกษตรกรที่ลงทะเบียนตามโครงการไว้กับธนาคาร ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิ์เป็นลูกค้าของธนาคาร ให้ธนาคารโอนเข้าบัญชีของผู้มีสิทธิ์โดยตรง หากผู้สิทธิ์มีบัญชีเงินฝากมากกว่า 1 บัญชี ธนาคารจะโอนเงินเข้าในบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวล่าสุด กรณีผู้มีสิทธิ์ไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคาร ให้ผู้มีสิทธิ์ไปแสดงตัวและเปิดบัญชีเงินฝากที่สาขาธนาคารที่ไปลงทะเบียนตามโครงการ โดยมีกรอบระยะเวลาดำเนินการวันที่ 1-30 ธ.ค. 2559

+++ครม.ยังเห็นชอบการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2560 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ โดยคงอัตราค่าจ้างขั้นต่ำวันละ 300 บาทใน 8 จังหวัด เพราะไม่มีการขอเข้ามา และได้เพิ่มอัตราค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นวันละ 5-10 บาท ใน 69 จังหวัด ตามสัดส่วนครอบคลุมทุกภูมิภาค โดยต้องคำนึงถึงผู้ประกอบการด้วยให้ทุกอย่างมีความสมดุล ซึ่งในอนาคตอาจจะปรับเพิ่มมากขึ้น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2560 เป็นต้นไป

+++การชดเชยให้ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุรถทัวร์ตกเหวบริเวณเขาพลึง บ้านบึงหลัก-หนองน้ำเขียว หมู่ 7 ต.บ้านด่านนาขาม จ.อุตรดิตถ์   รถทัวร์คันเกิดเหตุเป็นรถทัวร์ ร่วม บขส.999 ที่กลุ่มผู้โดยสารเช่านำเที่ยวจังหวัดภาคเหนือ และกำลังเดินทางกลับกรุงเทพฯ พ.ต.อ.ดิษยเดช พัชรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ระบุว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าสาเหตุน่ามาจาก คนขับหลับใน ไม่ชำนาญเส้นทาง และ เบรกแตก อย่างไรก็ตามจะสอบปากคำคนเจ็บอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ด้านนายอุดม สมมาตร คนขับรถทัวร์ ให้การว่า ขับรถมาจาก จ.แพร่มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ มีผู้โดยสาร 36 คน ทั้งหมดเป็นสมาชิกชมรมผู้สูงอายุเกษียณราชการ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ แคท เทเลคอม สาเหตุเพราะมีโค้งมาก และไม่ชินเส้นทาง

+++พล.ต.อ.อำนาจ อันอาตม์งาม กรรมการบริษัท บขส. รักษาการแทนกรรมการผจก.ใหญ่ บขส. ระบุว่า บขส.ได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด ซึ่งรายของผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนรายละ 800,000 บาท และผู้บาดเจ็บสาหัสรายละ 350,000 บาท