นักวิเคราะห์ระบุการยกเลิกเงินรูปีของรัฐบาลอินเดียถือเป็นนโยบายที่ไม่เหมาะสม

นายเคาชิก บาซู อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารโลก ขณะนี้เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ กล่าวว่าการที่รัฐบาลอินเดียสั่งยกเลิกธนบัตร 2 รุ่นคือใบละ 500 รูปีและ 1,000 รูปีนับว่าเป็นนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่เหมาะสม ระบุว่าผลเสียหายมีมากกว่าข้อดี

เขากล่าวว่า ระบบเก็บภาษีสินค้าและบริการของอินเดียเป็นนโยบายที่ใช้งานได้ดีอยู่แล้ว แต่ระบบการทำเหรียญและพิมพ์ธนบัตรของอินเดียไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร โดยเฉพาระบบป้องกันการปลอมแปลงธนบัตร พวกเขากล่าวว่าอีกไม่นานก็อาจจะเกิดปัญหาการปลอมแปลธนบัตรรุ่นใหม่แพร่ระบาดอีก ก่อนหน้านี้ รัฐบาลแถลงเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าการยกเลิกธนบัตรรูปีดังกล่าวมุ่งจะแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นและการปลอมแปลงเงินในตลาดมืด แต่ก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายขึ้นที่ด้านนอกที่ธนาคารและตู้เอทีเอ็มในช่วงที่ผ่านมา

การยกเลิกเงินดังกล่าวส่งผลกระทบต่อชาวอินเดียผู้มีรายได้น้อย พ่อค้าและผู้ฝากเงินธนาคารรายย่อย เนื่องจากพวกเขาต้องใช้เงินสดในการจับจ่ายซื้อของในแต่ละวัน จึงต้องเข้าแถวยาวเพื่อเบิกถอนเงินสดจากธนาคารหรือนำธนบัตรรุ่นเก่าไปแลกใหม่ ขณะเดียวกันมีกระแสความไม่พอใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มลูกค้าธนาคารกรณีรัฐบาลจัดเตรียมธนบัตรรุ่นใหม่ไม่เพียงพอรับแลกกับธนบัตรเก่า ทำให้รัฐบาลประกาศเมื่อวานนี้ จำกัดยอดเงินสูงสุดที่ลูกค้าจะเบิกถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มในแต่ละวัน