กระแสชุมนุมต่อต้านว่าที่ปธน.ทรัมป์ ขยายวงกว้างไปในเมืองใหญ่ ๆ

ชาวอเมริกันในเมืองสำคัญต่างๆ ทั้งที่นครนิวยอร์ก ไมอามี่ และลอสแองเจลิสยังคงจัดการชุมนุมคัดค้านผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เป็นวันที่ 4 โดยกลุ่มผู้ประท้วงราว 1,200 คนยังคงรวมตัวกันในบริเวณจัตุรัสวอชิงตัน ย่านแมนฮัตตัน เพื่อแสดงพลังสามัคคีอยู่เคียงข้างกลุ่มบุคคลที่อาจจะตกเป็นเป้าหมายการดำเนินนโยบายต่างๆ ที่เข้มงวดมากขึ้นของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่สหรัฐฯ ที่เคยประกาศในช่วงรณรงค์หาเสียง ซึ่งรวมถึงชาวเม็กซิกันและชาวมุสลิม ส่วนการชุมนุมประท้วงที่เมืองไมอามี่ ผู้ชุมนุมได้ถือป้ายข้อความต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ ขณะที่การชุมนุมที่ลอสแองเจลิส ซึ่งเป็นกลุ่มเล็กๆ ได้ก่อให้เกิดปัญหาการจราจรหยุดนิ่ง เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินขบวนกินพื้นที่ท้องถนนไป 4 เลน อย่างไรก็ดี การชุมนุมโดยทั่วไปเป็นไปโดยสันติ มีรายงานเพียงบางพื้นที่ที่เกิดเหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุนนางฮิลลารี คลินตันกับกลุ่มผู้สนับสนุนนายทรัมป์

ก่อนหน้านี้  นายบันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับนายทรัมป์ โดยคาดหวังว่าจะได้พบกันในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อชี้แจงการทำงานของสหประชาชาติว่าคาดหวังการทำงานส่งเสริมด้านมนุษยธรรมอย่างไรจากสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม นายบันเชื่อมั่นว่านายทรัมป์จะลดความแข็งกร้าว และหันมาแสดงบทบาทนำในเวทีระหว่างประเทศได้ และเห็นว่า ถึงแม้ตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมึความสำคัญ แต่งานด้านมนุษยธรรมก็มีความสำคัญ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเช่นกัน และแน่ใจว่า ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ จะเข้าใจถึงความสำคัญและความเร่งด่วนของภารกิจด้านมนุษยธรรมด้วย (1040 F171)