รองนายกฯยืนยันเฝ้าระวังเหตุร้ายต่อเนื่อง/ธพ.ปรับสัดส่วนสำรองน้ำมัน/ญี่ปุ่นมองสหรัฐเป็นภัยคุกคาม

02 พฤศจิกายน 2559, 12:21น.


+++พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีหนังสือจากฝ่ายความมั่นคงแจ้งไปยังสำนักงานเขตสาทร และโรงเรียนในพื้นที่ ให้เตรียมความพร้อมในการรักษาความปลอดภัย เนื่องจากฝ่ายความมั่นคงมีข้อมูลขอให้เฝ้าระวังเขตวินาศกรรมคาร์บอมบ์ ในพื้นที่กทม. โดยระบุรถยนต์ต้องสงสัย 2 คันคือ ฮอนด้า แอคคอร์ด สีดำ ทะเบียน 1563 กทม. และกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีดำ ทะเบียน 3597 ยะลา ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่าที่ฝ่ายความมั่นคงพยายามดูอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องของคาร์บอมบ์ ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้เราทำอย่างเต็มที่ทั้งเรื่องการข่าวและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติในและนอกเครื่องแบบกรณีนี้เป็นเรื่องต่อเนื่องจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งการแจ้งเตือนนี้อาจจะช้าไปเล็กน้อย แต่ฝ่ายความมั่นคงก็ต้องทำงานต่อเนื่องอยู่ตลอด อย่างไรก็ตาม ยืนยันเราทำงานเพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นและเกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมากที่สุด ถือเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน



+++นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า กลุ่มโรงกลั่นน้ำมันได้ทำหนังสือร้องเรียนมายังกรมฯ เพื่อขอปรับสัดส่วนการสำรองตามกฎหมายใหม่  โดยต้องการให้การสำรองน้ำมันของโรงกลั่นและผู้ค้าน้ำมันมีสัดส่วนเท่ากันที่ร้อยละ 3.5 จากปัจจุบันลดการกลั่นฯ สำรองน้ำมันดิบร้อยละ 6 หรือ 21.5 วัน และผู้ค้าน้ำมันสำรองร้อยละ 1 ของปริมาณการจำหน่าย หรือ 3.5 วัน ทั้งนี้ เพื่อช่วยลดต้นทุนของโรงกลั่นจากการสำรองน้ำมันลงและสร้างความเป็นธรรมกับทั้ง  2 ฝ่าย  ซึ่งต้องศึกษาจะมีผลกระทบเพียงใดและมีความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำมันหรือไม่ ล่าสุดนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน สั่งการให้กรมธุรกิจพลังงานเร่งศึกษาการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์ของประเทศในส่วนของภาครัฐ  โดยให้เสร็จภายในกลางปี  2560 เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่เคยสำรองน้ำมันในส่วนของภาครัฐมาก่อน  หากภาครัฐมีการสำรองน้ำมันของประเทศเองแล้ว  โรงกลั่นอาจไม่จำเป็นต้องสำรองน้ำมันก็ได้



+++ นางสาววชิรา อารมย์ดี ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่ค่าเงินหยวนของจีน อ่อนค่าลงในรอบ 6 ปี โดยเมื่อเดือนตุลาคมทางการจีนได้กำหนดค่ากลางเงินหยวนในทิศทางที่อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ถือว่าเป็นไปตามกลไกตลาด แต่มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าเงินภูมิภาครวมทั้งเงินบาทมากนัก โดยค่าเงินบาทในเดือนตุลาคมอ่อนค่าลงประมาณร้อยละ 0.9



+++บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (ปณท) เปิดช่องทางการลงทะเบียนรับการ์ดที่ระลึกผนึกตราไปรษณียากร พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 9 จำนวน 9,999,999 ดวง โดยผู้ที่ลงทะเบียนจะต้องใช้หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมกรอกรายละเอียดชื่อ-นามสกุล ที่อยู่สำหรับการจัดส่งตามที่อยู่ที่ได้ลงทะเบียนไว้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย และระบุหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อการแจ้งข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติม สามารถเข้าไปลงทะเบียนได้ ที่ www.stamprama9.thailandpost.com ตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน นี้ และขอสงวนสิทธิ์ในการลงทะเบียน 1 ท่าน ต่อการ์ดที่ระลึกชุดพิเศษนี้ 1 ใบ นอกจากนี้ยังสามารถลงทะเบียนได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทุกแห่งทั่วประเทศ



+++ คณะผู้แทนจากรัฐบาลกลางเมียนมา มีมติอนุมัติ โครงการร่วมทุนไทย - มอญ ทั้ง 78 โครงการ ให้กับสองบริษัท คือ ทิพยู ไพล์ (เจ้าเทพโยธิน มหาทุน ประธานบริษัททิ พยู ไพล์) และฮัจยี กรุ๊ป (ดร.สุภัตทา จันทรรังษี ประธาน บริษัท ฮัจยี กรุ๊ป) ร่วมกันดำเนินงาน ซึ่งสืบเนื่องจากการที่สาธารณรัฐสหภาพเมียนมา มีโครงการแผนพัฒนาเศรษฐกิจ เขตเยทาวน์ รัฐมอญ  ทั้ง 2 บริษัท มีทุนจดทะเบียนในการดำเนินธุรกิจจำนวน 5 แสนล้านบาท



++ +สถาบันวิจัยพีว รีเสิร์ช ที่มีฐานอยู่ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ของสหรัฐฯ เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นที่ว่าชาวญี่ปุ่นร้อยละ 52 มองสหรัฐฯ เป็นภัยคุกคาม ไม่ต่างจากจีนและกลุ่มไอเอส ทั้งที่สหรัฐฯ เป็นมิตรประเทศด้านความมั่นคงกับญี่ปุ่นมายาวนาน นอกจากนี้ยังพบว่าร้อยละ 61 ของกลุ่มตัวอย่าง มองว่าสหรัฐฯ กำลังเสื่อมถอยในเวทีโลก แต่ชาวญี่ปุ่นร้อยละ 72 ก็ยังมีทัศนคติในเชิงบวกต่อสหรัฐฯ ในมุมมองทั่วไป ที่ไม่เกี่ยวกับด้านการเมืองและความมั่นคง



...

       

ข่าวทั้งหมด

X