การประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ(ยูเอ็น) คณะที่ 36 ของ สมัยประชุมที่ 71 ที่สำนักงานใหญ่ยูเอ็นในนครนิวยอร์ก สหรัฐฯเมื่อเวลา 21.00 น . ตามเวลาในประเทศไทย นัดพิเศษเพื่อสดุดีและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่สำนักงานใหญ่ยูเอ็น ในนครนิวยอร์ก นายปีเตอร์ ทอมสัน ประธานที่ประชุมฯ เริ่มวาระการประชุมด้วยการกล่าวสดุดีเทิดพระเกียรติว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์กว่า 70 ปี ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายต่อชาวไทย ยูเอ็นขอร่วมกับพระบรมวงศานุวงศ์ของไทย รัฐบาลและประชาชนชาวไทยแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
จากนั้น นายบัน คีมุน เลขาธิการยูเอ็น กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี พระบรมวงศานุวงศ์ รัฐบาลและประชาชนชาวไทย พระองค์ทรงเป็นพลังสำคัญของประเทศในการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน พระองค์ทรงทำให้ประเทศเกิดความมั่นคง ทรงริเริ่มโครงการพัฒนาในด้านต่างๆ
จากนั้น ประธานกลุ่มยุโรปตะวันออก กล่าวว่า พระองค์ทรงทุ่มเทเพื่อความผาสุกของประชาชน ทุ่มเทอย่างหนักในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ทรงเป็นที่รักของประชาชน
ประธานภูมิภาคแอฟริกา กล่าวขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อพระบรมวงศานุวงศ์ รัฐบาลและประชาชนชาวไทย พร้อมกล่าวสดุดีว่าพระองค์ทรงเป็นนักพัฒนา และตลอด 70 ปี เป็นแสงสว่างส่องทางของประชาชนชาวไทย ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการพัฒนา การสวรรคตของพระองค์เป็นการสูญเสียไม่เฉพาะแต่คนไทย แต่เป็นการสูญเสียสำหรับคนทั่วโลก
ขณะที่ ประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของพระองค์ ซึ่งทรงทุ่มเทชีวิตตลอด 70 ปีที่ผ่านมาเพื่อความผาสุกของประชาชน พระองค์เป็นหนึ่งในพระมหากษัตริย์ที่ปกครองประเทศนานที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในโลก การสวรรคตของพระองค์เสมือนการสูญเสียของคนทั่วโลก
ประธานกลุ่มภูมิภาคยุโรปตะวันตก กล่าวว่า พระองค์ทรงมีวิสัยทัศน์ยาวไกล ทรงปฏิบัติภารกิจมากมาย
ด้านนางซาแมนธา พาวเวอร์ ทูตสหรัฐฯประจำยูเอ็น กล่าวว่า พระองค์ทรงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯมาโดยตลอด ที่สำคัญคือทรงพระราชสมภพในสหรัฐฯ พระองค์พยายามหาทางช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสในประเทศไทย พระองค์เดินทางไปทุกภาคของประเทศ พัฒนาโครงการหลวงนับพันโครงการเพื่อช่วยเหลือประชาชน พระองค์เป็นยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์ พระองค์ทรงเป็นเสมือนพระบิดาที่ชี้แนะทางแก้ปัญหาให้กับพสกนิกร ทรงริเริ่มโครงการแก้ปัญหาน้ำท่วมที่เรียกว่าโครงการแก้มลิง พระองค์ทรงนำการพัฒนาแบบยั่งยืน พระองค์ทรงมีชีวิตเพื่อการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ
ปิดท้ายที่นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก เป็นผู้กล่าวถวายสดุดีเป็นคนสุดท้าย กล่าวว่า พระองค์เป็นเสมือนแสงสว่างนำทางการพัฒนาในประเทศไทย นับแต่ขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงทำงานเพื่อช่วยพสกนิกร จัดทำโครงการหลวงกว่า 4,000 โครงการเพื่อช่วยเหลือประชาชนในชนบท งานพัฒนาของพระองค์ได้รับการยอมรับทั่วโลก ในช่วงที่ประเทศประสบวิกฤติ พระองค์ทรงเป็นกำลังใจให้แก่ประชาชนชาวไทยมาตลอด
ทีมต่างประเทศ
CR: http://www.un.org/en/ga/