เครื่องบินโดยสารอังกฤษจอดฉุกเฉินในแคนาดา/โอบามา มีแผนเยือนหลายประเทศก่อนครบวาระ/กลุ่มอัล-ชาบับโจมตีเกสต์เฮาส์ในเคนยา

+++บีบีซีและเว็บไซต์หนังสือพิมพ์เทเลกราฟของอังกฤษ รายงานอ้างสายการบินบริติชแอร์เวย์(บีเอ)ของอังกฤษว่า เครื่องบินแอบัส เอ380 ของบีเอ เที่ยวบินที่ บีเอ 286 ที่บินจากเมืองซานฟรานซิสโก สหรัฐฯมุ่งหน้ากรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ลงจอดฉุกเฉินในเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดาเมื่อเช้ามืด 25 ต.ค. คนบนเครื่อง 25 คน รวมถึงลูกเรือ 23 คนและผู้โดยสาร 2 คนมีอาการป่วยและต้องเข้ารับการรักษาทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน ส่วนสาเหตุกำลังตรวจสอบยังไม่มีใครทราบชัดเจน

+++เครื่องบินลำดังกล่าวสามารถจุผู้โดยสารได้ 469 คน แต่สายการบินฯไม่ได้ให้รายละเอียดว่าขณะเกิดเหตุ มีคนบนเครื่องบินนั้นจำนวนกี่คน ภาพถ่ายแสดงให้เห็นรถพยาบาลหลายคันจอดอยู่ในบริเวณโดยรอบเครื่องบินในลานจอด ด้านนางเลารา โคห์ลี โฆษกโรงพยาบาลชุมชนเมืองแวนคูเวอร์ เพิ่มเติมว่าผู้ป่วยมีอาการหายใจไม่ออกเนื่องจากสำลักควัน ด้านสายการบินบีเอระบุว่าสายการบินได้จัดให้ผู้โดยสารเข้าพักในโรงแรมในละแวกใกล้เคียงและจะจองตั๋วบินเพื่อให้ผู้โดยสารเดินทางต่อไปยังกรุงลอนดอนด้วยเที่ยวบินอื่นต่อไป

+++ทำเนียบขาวแถลงว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ จะเดินทางไปเยือนประเทศกรีซ, เยอรมนี และ เปรู ในระหว่างวันที่ 14-21 พ.ย. ซึ่งอยู่ในช่วงระหว่างการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.ถึงวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า โดยภารกิจสำคัญของการไปเยือนต่างประเทศครั้งนี้ของประธานาธิบดีโอบามาก็คือ สานต่อหุ้นส่วนด้านการค้าเอเชีย-แปซิฟิกและข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก

ประธานาธิบดีโอบามา จะไปเยือนกรีซในวันที่ 15 พ.ย. มุ่งเจรจากระตุ้นเศรษฐกิจและชื่นชมกรีซกับการรับมือคลื่นอพยพทางเรือ ผู้นำสหรัฐฯมีกำหนดพบเจรจากับประธานาธิบดีโปรโคปิส ปาฟโลปูลอส และนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซีปราส แห่งกรีซ

+++จากนั้นในวันที่ 17-18 พ.ย. ประธานาธิบดีโอบามาจะไปเยือนเยอรมนี พบเจรจากับนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีแห่งเยอรมนี ในเรื่องซีเรีย ยูเครน การต่อสู้กับกลุ่มไอเอสและความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯกับสหภาพยุโรป นับเป็นการเยือนเยอรมนีเป็นครั้งที่ 6 ของประธานาธิบดีโอบามา

หลังจากนั้นแล้ว ประธานาธิบดีโอบามา จะไปเยือนประเทศเปรูในวันที่ 18-20 พ.ย.นี้ เพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งจะมีผู้นำจาก 21 เขตเศรษฐกิจมาร่วมประชุม

+++ตำรวจอาวุโสของเคนยาเปิดเผยว่า พบผู้เสียชีวิต 12 ศพภายในอาคารที่พักแบบเกสต์เฮาส์ชื่อ บิชาโร ลอดจ์ ในเมืองแมนเดรา ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเคนยา หลังเข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุโจมตีด้วยระเบิด จากนั้น กำลังตำรวจปราบปรามการก่อการร้ายพร้อมด้วยสุนัขตำรวจได้ปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย จึงพบศพผู้เสียชีวิต และยังมีบางส่วนของอาคารที่พักพังถล่มลงมาเพราะแรงระเบิด

+++สื่อมวลชนเคนยา รายงานว่า ผู้เสียชีวิต 12 ศพ แยกเป็นผู้ชาย 11 คนและผู้หญิง 1คนและยังเป็นสมาชิกของกลุ่มคณะละครที่เตรียมจะมาเปิดการแสดงให้กับเด็กนักเรียนในโรงเรียนที่เมืองแมนเดราได้รับชม

+++วิทยุกลุ่มองค์กรสื่ออนาดาลุส รายงานว่า กลุ่มก่อการร้ายอัล-ชาบับซึ่งมีความสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้ายอัล-กออิดะห์ ได้ออกมาประกาศอ้างความรับผิดชอบเหตุโจมตีเกสต์เฮาส์ แล้วยังอ้างว่ามีผู้เสียชีวิต 15 ศพ

+++รอยเตอร์ รายงานอ้าง นายเอ.สยัมซู เจ้าหน้าที่จากสำนักงานปราบปรามก่อการร้ายของอินโดนีเซียว่า กลุ่มผู้สนับสนุนกลุ่มไอเอสจากอินโดนีเซียเดินทางไปเข้าร่วมกับกลุ่มอาบูไซยาฟ ที่เคยประกาศภักดีต่อกลุ่มไอเอสและมีที่มั่นอยู่บนเกาะมินดาเนาทางภาคใต้ของประเทศฟิลิปปินส์ เพิ่มความหวั่นวิตกว่า อาจจะมีการข้ามแดนเพื่อไปก่อเหตุรุนแรงในประเทศอื่นๆในภูมิภาคนี้ด้วย มีกลุ่มผู้สนับสนุนกลุ่มไอเอสชาวอินโดนีเซียบางคนเข้ารับการฝึกอบรมในฟิลิปปินส์ หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มการเฝ้าระวังนับตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีด้วยอาวุธปืนและระเบิดในกรุงจาการ์ตาเมื่อเดือนมกราคม ถือว่าเป็นการแสดงตัวอย่างชัดเจนว่ามีสมาชิกกลุ่มไอเอส อยู่ในภูมิภาคนี้เป็นครั้งแรก

+++ ขณะเดียวกัน ตำรวจมาเลเซีย ได้จับกุมกลุ่มหัวรุนแรงชาวมาเลเซียกว่า 100 คน ฐานพยายามจะเดินทางไปเข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสในซีเรีย

+++เจ้าหน้าที่นอร์เวย์ ยืนยันว่า ไอโอดีนกัมมันตรังสีที่รั่วไหลออกมามีจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น จากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เมืองฮัลเดน ทางตอนใต้ของนอร์เวย์ สำหรับเตาปฏิกรณ์ที่เมืองฮัลเดนนั้นใช้เพื่อจุดประสงค์ในด้านการวิจัยเท่านั้น กัมมันตรังสีที่รั่วไหลออกมานี้ไม่มีอันตรายต่อคนงานที่โรงไฟฟ้าหรือแม้กระทั่งสภาพแวดล้อม เจ้าหน้าที่โรงไฟฟ้า ระบุว่า เป็นเพราะความผิดพลาดด้านเทคนิคเกี่ยวกับการตรวจเชื้อเพลิง ทำให้มีไอโอดีนกัมมันตรังสี-131 และ-132 รั่วไหลออกมาในอาคารเตาปฏิกรณ์ คนงานโรงไฟฟ้าจึงได้รับคำสั่งให้อพยพออกมาในทันที ไม่พบว่ามีคนงานรายใดได้รับกัมมันตรังสีในระดับที่เป็นอันตราย ขณะนี้ สถานการณ์อยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นก็ได้รับทราบรายงานสถานการณ์แล้ว

+++น.ส.เอลิซาเบธ เวทท์เลาเฟอร์ พยาบาลวัย 49 ปี ถูกจับกุมตัวและตั้งข้อหาฆาตกรรม 8 กระทงด้วยกัน ฐานต้องสงสัยว่าเป็นผู้สังหารคนไข้สูงวัยในความดูแล 8 คน มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย อายุระหว่าง 75-96 ปี เหตุเกิดที่บ้านพักคนชรา 2 แห่งในรัฐออนแทรีโอ ช่วงปี 2550-2557

นายเดฟ เทราอ์ สารวัตรสอบสวนแห่งรัฐออนแทรีโอ กล่าวว่า เหยื่อคนไข้สูงวัยเสียชีวิตเพราะถูกวางยา แต่ขณะนี้ยังให้ความเห็นใดๆเกี่ยวกับตัวยาไม่ได้ เพราะอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อส่งฟ้องศาล การสอบสวนคดีพยาบาลสังหารคนไข้สูงวัยเกิดขึ้นเมื่อเดือนก.ย.เพราะมีการแจ้งเบาะแสเกิดขึ้นในเมืองวูดสตอคและลอนดอนของรัฐออนแทรีโอ