สื่อต่างชาติระบุความโศกเศร้าของคนไทยไม่มีผลต่อเศรษฐกิจ

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานบรรยากาศการแสดงความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งธุรกิจห้างร้านต่าง ๆ มีการดำเนินธุรกิจตามปกติท่ามกลางความโศกเศร้า ขณะที่วัยรุ่นไทยจำนวนหนึ่งหันมาสักลายเพื่อแสดงความอาลัย ขณะที่การซื้อหาเสื้อผ้าชุดดำเพื่อสวมไว้อาลัย อาจมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย

รอยเตอร์รายงานอ้างนักวิเคราะห์ธนาคารโอซีบีซีแบงก์ในสิงคโปร์ว่า ความสูญเสียครั้งใหญ่และความโศกเศร้าไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย แม้อาจมีภาวะชะลอตัวเล็กน้อยในธุรกิจท่องเที่ยว แต่ไม่มีผลกระทบทางลบต่อการเติบโตและระบบเศรษฐกิจ รวมทั้งไม่จำเป็นต้องออกนโยบายทางการเงินเพิ่มเติม เพราะนอกจากเสื้อผ้าสีดำที่ขายดีแล้ว ยอดจำหน่ายหนังสือพิมพ์และสิ่งพิมพ์ยังเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากประชาชนต้องการสะสมภาพพระราชกรณียกิจและข่าวพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการ การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) และอดีตผู้อำนวยการใหญ่ องค์การการค้าโลก (WTO) เปิดเผยว่า จากกรอบนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจถือว่าดำเนินมาถูกทางแล้ว แต่การเติบโตของประเทศไทยต้องดำเนินไปพร้อมกับภูมิภาคและโลก เพื่อให้เกิดความสมดุล หลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลาง

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 2 แตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน จากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงสวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงาน ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 ตุลาคม 2559 ปรับตัวลดลง 5 ล้าน 2 แสนบาร์เรล มาอยู่ที่ 468 ล้าน 7 แสนบาร์เรล ซึ่งสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น

ส่วนนายคาลิด อัล ฟาลิห์ รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันของซาอุดิอาระเบีย กล่าวในที่ประชุม Oil & Money ที่ลอนดอน ว่าราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้นจากที่เคยแตะระดับต่ำกว่า 30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในปี 2558 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงตลาดน้ำมันดิบที่กำลังปรับตัวเข้าสู่ภาวะสมดุล

ส่วนการประชันวิสัยทัศน์รอบที่ 3 ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครต มีคะแนนนำนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันอยู่ 52 ต่อ 39 จุด จากการสำรวจของซีเอ็นเอ็น/โออาร์ซี

…