ทันสถานการณ์โรค 06.30 น.
+++กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยังคงการคาดการณ์อัตราการเติบโตขยายตัวอันอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกเอาไว้ที่เดิม ขณะเดียวกันรายงานฉบับล่าสุดซึ่งนำออกเผยแพร่ในวันอังคาร (4 ต.ค.) กล่าวเตือนด้วยว่า ภาวะชะงักงันที่ดำเนินต่อเนื่องไปเช่นนี้ จะทำให้ความรู้สึกแบบประชานิยมที่ต่อต้านการค้าและการอพยพเพิ่มมากขึ้นอีก ในฉบับล่าสุดของรายงาน “ทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลก” (World Economic Outlook) ซึ่งนำออกเผยแพร่ปีละ 2 ครั้ง ไอเอ็มเอฟระบุว่า การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯในปี 2016 จะลดต่ำลงสืบเนื่องจากผลงานที่อ่อนแอในช่วงครึ่งปีแรก ทว่าก็จะได้รับการชดเชยจากความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นในเศรษฐกิจของญี่ปุ่น, เยอรมนี, รัสเซีย, อินเดีย, และอีกบางประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ กองทุนฯจึงยังคงตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกเอาไว้เหมือนที่พยากรณ์ไว้ก่อนหน้านี้ นั่นคือ ร้อยละ 3.1 สำหรับปี 2016 และ ร้อยละ 3.4 สำหรับปี 2017 ไอเอ็มเอฟยังปรับตัวเลขพยากรณ์สำหรับยูโรโซนให้สูงขึ้นเช่นกันในระดับ 0.1% ทำให้ปีนี้น่าจะโตได้ร้อยละ 1.7 และปีหน้าร้อยละ 1.5ด้านชาติเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่ ไอเอ็มเอฟคงตัวเลขพยากรณ์สำหรับจีนเอาไว้คงเดิม นั่นคือปี 2016 จะโต ร้อยละ 6.6 และปี 2017 อยู่ที่ ร้อยละ 6.2 โดยที่ความสนับสนุนทางด้านนโยบายอันแข็งแกร่ง และการเติบโตของสินเชื่อ กำลังก่อให้เกิดการบริโภคภายในประเทศ
+++ราคาน้ำมันขยับลงเล็กน้อยในวันอังคาร สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 12 เซนต์ ปิดที่ 48.69 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 2 เซนต์ ปิดที่ 50.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันอังคาร(4ต.ค.) ปิดลบในกรอบแคบๆ นักลงทุนกังวลต่อความยุ่งยากในการถอนตัวออกจากอียูของสหราชอาณาจักรและแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ดัชนี อุตสาหกรรม ดาวโจนส์ ลดลง 85.40 จุด ปิดที่ 18,168.45 จุดค่าเงินปอนด์สเตอร์ลิงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 ทศวรรษ หลังนายกัฐมนตรีเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ยอมรับว่าการแยกตัวออกจากอียูของสหราชอาณาจักรคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆและบางทีอาจเจออุปสรรคต่างๆนานา
+++ส่งผลทำให้ ส่วนราคาทองวานนี้(4ต.ค.) ร่วงหนัก ขยับแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือนครึ่ง ทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 43 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,269.70 ดอลลาร์ต่อออนซ
+++กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยเมื่อวันอังคาร(4ต.ค.) ว่าได้ส่งระบบขีปนาวุธ S-300 เข้าประจำการที่ฐานทัพเรือในเมืองตาร์ตุส เพื่อยกระดับรักษาความปลอดภัยแก่ฐานทัพเท่านั้น นายอิกอร์ โคนาเชนคอฟ โฆษกกระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันว่าการติดตั้งขีปนาวุธไม่ได้เป็นการคุกคามใคร ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯระงับการเจรจากับรัสเซียในความพยายามรื้อฟื้นข้อตกลงหยุดหลังกล่าวหา รัสเซีย และรัฐบาลซีเรีย ยกระดับถล่มพื้นที่พลเรือนในเมืองอเลปโป นอกเหนือจากฐานทัพเเรือในตาร์ตุสแล้ว รัสเซียยังประจำการอยู่ ณ ฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งด้านนอกเมืองลาตาเคีย ตามแนวชายฝั่งของซีเรีย โดยรัสเซียใช้ฐานทัพอากาศแห่งนี้เป็นจุดส่งเครื่องบินขึ้นทิ้งบอมบ์ถล่มเป้าหมายต่างๆเพื่อสนับสนุนประธานาธิบดี อัสซาด
+++นายโรดริโก ดูเตอร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ บอกให้ประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ “ไปลงนรก” ในวันอังคาร (4ต.ค.) พร้อมกับขู่ยุติความสัมพันธ์ฉันท์พันธมิตรหลายทศวรรษระหว่างประเทศของเขากับอเมริกา แล้วหันไปฝักใฝ่จีนและรัสเซียแทน หลังยังถูกผู้นำสหรัฐ วิจารณ์เกี่ยวกับสงครามต่อต้านยาเสพติด
คำพูดดุเดือดครั้งใหม่นี้เกิดขึ้นในขณะที่ฟิลิปปินส์ และสหรัฐฯ กำลังซ้อมรบร่วมประจำปี ที่ดูเตอร์เตเคยเตือนว่า อาจเป็นครั้งสุดท้ายในระหว่างที่เขายังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เพื่อตอบโต้อเมริกาที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์สงครามต่อต้านยาเสพติดโดยมีมีทหารอเมริกาและฟิลิปปินส์ ราว 2,000 นาย กำลังเข้าร่วมการซ้อมรบ 8 วัน ซึ่งจัดขึ้นในน่านน้ำใกล้พื้นที่พิพาทในทะเลจีนใต้
+++สำนักข่าวดับเบิลยูเอเอและหนังสือพิมพ์อัลซูมาไรของอิรักและสำนักข่าวเพรสส์ ทรัสต์ ของอินเดียรายงานว่านายอาบู บาคร์ อัล บักห์ดาดี ผู้นำกลุ่มรัฐอิสลาม(ไอเอส)พร้อมคนใกล้ชิดระดับสูงอีก 3 คนมีอาการป่วยอย่างรุนแรงหลังถูกวางยาพิษในงานเลี้ยงอาหารกลางวันแห่งหนึ่งในอำเภอเบอาจ จังหวัดนิเวเวห์ อิรักและถูกนำตัวไปยังสถานที่ไม่เปิดเผยแห่งหนึ่งภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมากขึ้น รัฐบาลสหรัฐฯตั้งค่าหัวเขาจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ข่าวผู้นำกลุ่มไอเอสถูกวางยาพิษมีขึ้นหลังสื่อของทางการอิรักรายงานว่า แกนนำระดับผู้บัญชาการกลุ่มไอเอสหลายคนอยู่ในกลุ่มนักรบไอเอส 16 ศพที่เสียชีวิตหลังแกนนำรายหนึ่งที่คิดจะออกจากกลุ่มฯกดชนวนระเบิดเพื่อฆ่าตัวตายระหว่างการประชุมระดับแกนนำกลุ่มฯเมื่อไม่นานมานี้
+++เรือพี่เลี้ยงเรือดำน้ำ ยูเอสเอส แฟรงค์ เคเบิล และเรือพิฆาตติดขีปนาวุธนำวิถี ยูเอสเอส จอห์น เอส. แม็คเคน เข้าจอดเทียบท่า ในฐานทัพเรือน้ำลึกอ่าวคัมรานห์ ของเวียดนาม เมื่อวันอาทิตย์ (2 ต.ค.) สานสัมพันธ์ทางทหาร ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว หลังจากรัฐบาลสหรัฐยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร การค้าอาวุธร้ายแรงแก่เวียดนามทั้งหมด ในเดือน พ.ค. ส่วนหนึ่งของแผนยุทธศาสตร์ "ปรับสมดุลใหม่" สู่เอเชีย ของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ เวียดนามเพิ่มความพยายาม ในการสร้างความหลากหลายด้านความสัมพันธ์ในยุโรปและเอเชีย และเกี่ยวพันกับสหรัฐมากขึ้น แถลงการณ์ฯ ระบุอีกว่า เรือจอห์น เอส แม็คเคน แวะเยือนเมืองดานัง ที่อยุ่ใกล้ๆ ก่อนจะแล่นเข้าสู่อ่าวคัมรานห์
+++สำนักงานอัยการศาลแขวงซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย เผยเมื่อวันจันทร์ ว่า ประชาชน 16 ถูกตั้งข้อหา ในคดีร่วมกันลักทรัพย์ มูลค่าความเสียหายมากกว่า 200,000 ดอลลาร์ (6.9 ล้านบาท) ซึ่งเป็นสินค้าสิ่งของเครื่องใช้ประเภทเสื้อผ้า กระเป๋าถือ และอื่นๆ จากร้าค้าปลีกระดับหรู เช่น หลุยส์ วิตตอง และซัลวาตอเร เฟอร์รากาโม ผู้ต้องสงสัยอีก 10 คน ถูกตั้งข้อหาในอีกหลายเมือง ทางฝั่งตะวันตกของสหรัฐ รวมถึงเมืองโฮโนลูลู ในรัฐฮาวาย และเมืองซีแอตเติล รวมมูลค่าความเสียหายอีกประมาณ 200,000 ดอลลาร์ ผู้ต้องสงสัยกลุ่มนี้ถูกกล่าวหาว่าขโมยสินค้าหรูหลายสิบครั้ง ย้อนหลังไปถึงปี พ.ศ. 2558 นายแฟรงค์ คาร์รับบา ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานอัยการซานฟรานซิสโก กล่าวว่า จากรายงานการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่า บางครั้งกลุ่มผู้ร่วมขบวนการจะส่งคนประมาณ 10 - 12 คน เข้าไปในห้างเป้าหมาย โดยแต่ละคนมีกระเป๋าที่สามารถซุกซ่อนสินค้าที่ขโมยให้ได้มากที่สุด และบางครั้งกลายเป็นความรุนแรง เมื่อกลุ่มคนร้ายใช้สเปรย์พริกไทย ฉีดใส่พนักงานของร้าน หรือใช้อาวุธมีดข่มขู่ กลุ่มคนเหล่านี้ทำงานกันเป็นทีม มีคนขับรถจอดรออยู่ด้านนอก เพื่อพาหลบหนีหลังก่อเหตุ